posttoday

ชี้ตลาดเก๋งครึ่งปีหลังแข่งเดือด

03 มิถุนายน 2553

ฮอนด้าชี้ลูกค้าปรับพฤติกรรมทำตลาดรถยนต์นั่งแข่งดุ เตรียมปรับเป้าตัวเลขขายปีนี้ หลัง4 เดือนแรกโตพรวด 20%

ฮอนด้าชี้ลูกค้าปรับพฤติกรรมทำตลาดรถยนต์นั่งแข่งดุ เตรียมปรับเป้าตัวเลขขายปีนี้ หลัง4 เดือนแรกโตพรวด 20%

นายอาซึชิ ฟูจิโมโตะ ประธาน บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า แนวโน้มการแข่งขันในธุรกิจรถยนต์นั่งในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ จะมีความรุนแรงมากขึ้น จากการที่ลูกค้าชาวไทยได้ปรับพฤติกรรมการซื้อรถยนต์ มาซื้อรถยนต์นั่งขนาดเล็ก แทนรถยนต์เชิงพาณิชย์มากขึ้น

เห็นได้จากสัดส่วนยอดจำหน่ายรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่ปรับมาอยู่ที่มากกว่า 40% ในปัจจุบัน และยอดจำหน่ายของรถกระบะขนาด 1 ตัน ก็ปรับตัวลดลงไปอยู่ที่ประมาณ 55% เท่านั้น ทำให้ประเมินว่าในอนาคตอันใกล้ สัดส่วนการจำหน่ายของรถยนต์นั่งจะเพิ่มเป็น 50% และรถปิกอัพก็จะมีสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน

สำหรับฮอนด้านั้นในช่วง 5 เดือนแรกที่ผ่านมาของปี บริษัทมียอดจำหน่ายไปแล้วทั้งสิ้นประมาณ 4 หมื่นคัน หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตประมาณ 20% ซึ่งถือเป็นอัตราการขยายตัวที่สูงมาก ขณะเดียวกัน ก็ยังมียอดจองรถที่ตกค้างอยู่ประมาณ 2.5 หมื่นคัน ซึ่งคาดว่าจะสามารถส่งมอบได้ทั้งหมดภายใน 3 เดือนนับจากนี้

ประธานฮอนด้า กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับเป้าหมายการจำหน่ายรถยนต์ตลอดทั้งปีที่วางเอาไว้ 9.5 หมื่นคัน ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาความเป็นไปได้ของการขยายตัว รวมถึงดูเรื่องของกำลังการผลิตที่มีอยู่ โดยปัจจุบัน ฮอนด้าใช้กำลังการผลิตราว 75% หรือ 1.8 แสนคันต่อปี จากกำลังการผลิตรวมทั้ง 2 โรงงานที่มีอยู่ 2.4 แสนคัน

“เรากำลังพิจารณาเพื่อปรับเป้าหมายการจำหน่ายเพิ่มขึ้น และอยู่ระหว่างการดูแลรายละเอียดเรื่องของตัวเลขทั้งหมด ซึ่งหากดูจากตัวเลขการใช้ไลน์ผลิตของเรา จะพบว่าเรายังมีกำลังการผลิตที่พอมีเหลือ และสามารถรองรับการปรับเป้าหมายการจำหน่ายใหม่ได้” นายฟูจิโมโตะ กล่าว

ทั้งนี้ ฮอนด้ามีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มและอัตราการเติบโตที่ดีและแข็งแกร่ง อุตสาหกรรมยานยนต์น่าจะเติบโตไปได้พร้อมๆ กัน แต่ก็ยอมรับว่าเหตุทางการเมืองและการประกาศเคอร์ฟิวในช่วงที่ผ่านมา ก็มีผลกระทบทำให้การผลิตรถช้าลงไปในบางส่วน แต่คงไม่มีปัญหาในการส่งมอบรถยนต์ฮอนด้าให้กับลูกค้าแต่อย่างใด

สำหรับโครงการรถยนต์นั่งประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล หรืออีโคคาร์ของฮอนด้านั้น ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก โดยในส่วนของการวิจัยและพัฒนาสำเร็จไปแล้วกว่า 90% และอยู่ระหว่างการเตรียมการขึ้นไลน์ผลิต จึงเชื่อมั่นว่าจะสามารถเปิดตัวในปี 2554 ตามแผนงานที่บริษัทวางเอาไว้อย่างแน่นอน