posttoday

เอกชนแนะรัฐเร่งเบิกจ่ายงบ-คลายกฎเป็นอุปสรรค

08 กันยายน 2557

เอกชนเชื่อมั่นรัฐบาลใหม่ ชี้มาตรการเร่งด่วนรัฐบาล เบิกจ่ายงบ-คลายกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรค-ส่งเสริมการค้าในประเทศ

เอกชนเชื่อมั่นรัฐบาลใหม่ ชี้มาตรการเร่งด่วนรัฐบาล เบิกจ่ายงบ-คลายกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรค-ส่งเสริมการค้าในประเทศ

นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวในงานสัมมนา ยุทธศาสตร์ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 1 "Business reform to move forward" ว่า มาตรการเร่งด่วนที่ภาครัฐควรเร่งดำเนินการ ได้แก่ การเร่งการใช้จ่ายเงินเพิ่มเติม ปลดล็อกกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรค และส่งเสริมการค้ากันเองภายในประเทศ

ทั้งนี้ รัฐบาลต้องเร่งผลักดันการใช้จ่าย และทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเป็นกำลังซื้อหลักของตลาดในประเทศ ซึ่งหากมีการกระตุ้นอย่างเหมาะสมจะทำให้ตลาดเติบโตขึ้น

ขณะเดียวกัน เมื่อเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ภาคเอกชนต้องใช้โอกาสดังกล่าวในการส่งออกสินค้าไปยังประเทศอาเซียน ซึ่งจำเป็นจะต้องเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศให้มากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องทักษะ และความสามารถของแรงงาน ทั้งภาคเกษตร อุตสาหกรรม และภาคบริการ โดยเอกชนต้องให้ความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา เพื่อช่วยฝึกทักษะให้กับแรงงายไทย ซึ่งปัจจุบันเอกชนกำลังดำเนินการอยู่

รวมทั้งผู้ประกอบการต้องสร้างและยกระดับตราสินค้า ให้เป็นตราสินค้าของประเทศไทย ที่มีมาตรฐาน เพื่อดันสินค้าออกไปสู่ตลาดโลก โดยเอกชนต้องการการสนับสนุนเรื่องการวิจัยและพัฒนา นวัตกรรม และการพัฒนาเทคโนโลยี

"เราควรห่วงความมั่นคงในการเติบทางเศรษฐกิจเป็นหลัก ซึ่งจะเป็นพื้นฐานที่ดี มากกว่าตัวเลขการเติบโต เพราะอาจจะเติบโตอย่างไม่มั่นคงได้"นายอิสระ กล่าว

สำหรับโอกาสในสินค้าเกษตร ไทยยังได้เปรียบคู่แข่ง เพราะมีพื้นที่ทางการเกษตรมากที่สุด ซึ่งภาคเอกชนต้องทำงานร่วมกับเกษตรกร เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าเกษตร และยกระดับห่วงโซ่การผลิต เพื่อเพิ่มคุณภาพสินค้าออกสู่ตลาด ส่วนปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในขณะนี้ยังไม่มีความเสียหายเกิดขึ้น และตอนนี้สถานการณ์ก็บรรเทาลงแล้ว

นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเอสซีจี กล่าวว่า ขณะนี้ความมั่นใจทั้งจากภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศเริ่มดีขึ้น หลังจากมีรัฐบาลชุดใหม่ ดังนั้นจึงมองว่าในเวลานี้ยังไม่มีความจำเป็นที่จะใช้นโยบายพิเศษในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยควรปล่อยให้เศรษฐกิจขยายตัวอย่างเป็นธรรมชาติ เนื่องจากมองว่าเศรษฐกิจในปีหน้าจะปรับตัวดีขึ้นอย่างแน่นอน เห็นได้จากการอนุมัติการยื่นคำขอการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ที่เพิ่มมากขึ้น การจ้างงานที่ดีขึ้น รวมไปถึงการลงทุนทั้งจากภาครัฐและเอกชน

สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่ไทยยังต้องเร่งพัฒนา คือเรื่องพลังงาน การผลิตไฟฟ้า ซึ่งที่ผ่านมาไทยมีต้นทุนสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นเรื่องที่ภาครัฐควรให้ความสำคัญในการแก้ไข ขณะเดียวกันยังจะต้องเร่งสนับสนุนให้ภาคเอกชนมีการลงทุนเพิ่มมากขึ้นทั้งในและต่างประเทศ

"หลังจากได้ครม.ชุดใหม่เรียบร้อยแล้ว ยอมรับว่าภาคเอกชนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น แต่ทั้งนี้ภาครัฐจะต้องกำหนดแผนงานด้านยุทธศาสตร์ให้ชัดเจน โดยเฉพาะการกำหนดเกี่ยวกับการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคเอกชนในด้านต่างๆ การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณการลงทุนที่คาดว่าจะมีการเตรียมการแล้วเสร็จภายในเดือนนี้" นายกานต์ กล่าว

ทั้งนี้ บทบาทของภาครัฐต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีที่เอื้อต่อการทำธุรกิจ สร้างเสถียรภาพทางการเมือง เพิ่มขีดความสามารถของประเทศ ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมทั้งสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ สถาบันการศึกษา และภาคธุรกิจ เพื่อยกระดับภาคอุตสาหกรรม การบริการ และภาคการเกษตร