กสทช.เตรียมนำเงินกองทุนจ่ายRSยิงสดฟรีทีวีทุกนัด

คสช. สั่ง สำนักงาน กสทช. ถกด่วนหารือนำเงินกองทุนฯจ่ายชดเชยให้อาร์เอส เพื่อให้ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกทุกนัดผ่านฟรีทีวีทุกช่อง

เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. นายฐากร ตัณฑสิทธิ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า จากกรณีศาลปกครองสูงสุดพิพาพากษา คดีบริษัทอาร์เอส อินเตอร์เนชั่นแนลบรอดคลาสติ้ง แอนด์ สปอต แมนเนจเม้นท์ จำกัด ฟ้องคณะกรรมการ และคณะกรรมการ กสท. เพื่อขอให้ยกเลิกประกาศ เกี่ยวกับหลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์สำคัญ ทีให้เผยแพร่ได้เฉพาะที่ให้บริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป และให้นำประกาศดังกล่าวมาใช้กับการเผยแพร่แข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเฉพาะกรณีอาร์เอส  หลังจากศาลปกครองสุงสุดได้ตัดสินให้อาร์เป็นผู้ชนะคดี

คสช. จึงได้ประสานให้ทางสำนักงาน กสทช. หาแนวทางคืนความสุขให้กับประชาชน ด้วยการนำเงินจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทปส.) มาจ่ายชดเชยให้กับอาร์เอส เพื่อให้สามารถถ่ายทอดฟุตบอลโลกผ่านฟรีทีวี และให้ประชาชนได้ชมทีวีได้ทุกช่องอย่างทั่วถึง โดยได้เชิญผู้บริหารอาร์เอสมาหารือในเวลา 17.00 น. เพื่อประเมินร่วมกันว่าอาร์เอสมีค่าใช้จ่ายอย่างไร มีรายได้ค่าโฆษณาเข้ามาอย่างไร และอาร์เอสได้ขายกล่องรับสัญญาณได้จำนวนเท่าไร เพราะต้องพิจาณายอดเงินให้เหมาะสมในการชดเชยเยียวยา   

นอกจากนี้ พล.อ.ธเรศ ปุณศรี ประธาน กสทช. ในฐานะประธานกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทปส.) เรียกประชุมคณะกรรมการกองทุนด่วนในวันที่ 12 มิ.ย. เพื่อประเมินดูว่าจะนำเงินจากกองทุนมาใช้จากบัญชีใด เพราะปัจจุบันกองทุนฯมีเงินประมาณ 20,000 ล้านบาท เช่น  มาจากกองทุนเดิมวงเงิน 2,000 ล้านบาท บัญชีจากค่าปรับผู้กระทำผิด หลายร้อยล้านบาท มาจากการประมูลทีวีดิจิตอล 11,000 ล้านบาท จึงต้องประเมินดูว่าจะเงินมาจากส่วนใด ยืนยันว่าการใช้เงินจากกองทุนไม่ได้ผิดวัตถุประสงค์ของกองทุน เพราะทำให้ประชาชนเข้าถึงการรับชม เมื่อได้ข้อสรุปจะเสนอต่อคณะกรรมการ กสท.พิจารณาการใช้เงินชดเชยให้กับอาร์เอส

โดยในช่วงเช้าวันที่ 12 มิ.ย.  ยังได้เชิญตัวแทนอาร์เอสและผู้บริหารทีวีดิจิตอล 24 รายมาหารือ ว่าช่องรายการใดต้องการถ่ายทอดฟุตยอลโลก และจัดตารางการถ่ายทอดทั้งหมด 24 นัด อย่างไรบ้าง  ต้องมีการค่าใช้จ่ายในการถ่ายทอดอย่างไร และการดำเนินการเรื่องดังกล่าวมองว่า กสทช.ต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ เพราะหากไม่ดำเนินการอะไรจะมองว่า กสทช.ไม่ให้ความสำคัญช่วยเหลือ