posttoday

ร้านอาหารญี่ปุ่นเผ่นห้างรีดจีพีดุ

02 มิถุนายน 2557

พีเอฟพี ตัดใจเลิกขายอาหารญี่ปุ่นในศูนย์การค้า หลังโดนโขกค่าจีพี 30% เล็งวางสินค้าใหม่เพิ่มรายได้

พีเอฟพี ตัดใจเลิกขายอาหารญี่ปุ่นในศูนย์การค้า หลังโดนโขกค่าจีพี 30% เล็งวางสินค้าใหม่เพิ่มรายได้

นายทวี ปิยะพัฒนา ประธานกลุ่มบริษัท แปซิฟิคแปรรูปสัตว์น้ำ หรือพีเอฟพี เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทได้ขยายธุรกิจอาหารญี่ปุ่นพร้อมรับประทานทั้งในรูปแบบคีออสก์และร้านอาหาร ภายใต้แบรนด์ ซูชิ สเตชั่น และซูชิ โกลด์ ภายในศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้าช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ขณะนี้บริษัทได้ยกเลิกทำธุรกิจผ่านช่องทางดังกล่าวแล้ว เนื่องจากไม่สามารถแบกรับต้นทุนได้ ไม่ว่าจะเป็นค่าแรง หรือค่าส่วนแบ่งการขาย (จีพี) 30% ที่ค้าปลีกเรียกเก็บ

นอกจากนี้ บริษัทยังมีปัญหาในด้านของบุคลากรที่เข้ามาร่วมงาน เนื่องจากพนักงานส่วนใหญ่ขาดประสิทธิภาพในการทำงาน ขณะเดียวกัน ในแต่ละจุดจำหน่ายต้องจ้างพนักงาน 2-3 คน ซึ่งก่อนยกเลิกการทำธุรกิจบริษัทมีจำนวนจุดจำหน่ายอาหารญี่ปุ่นอยู่ที่ประมาณ 300 แห่ง จึงทำให้ไม่สามารถแบกรับต้นทุนได้

“ปัญหาในการขายภายในห้างค้าปลีก ถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ที่ทำให้บริษัทตัดสินใจยกเลิกการขายอาหารญี่ปุ่นใน ห้างค้าปลีก เนื่องจากปัจจุบันผู้ประกอบการห้างค้าปลีกหันมาผลิตอาหารญี่ปุ่นที่เป็นแบรนด์ของตัวเองมาจำหน่ายมากขึ้น พร้อมกับวางจุดขายสินค้าที่ดีกว่าและตั้งราคาขายที่ถูกกว่า บริษัทจึงตัดสินใจยกเลิกธุรกิจ”นายทวี กล่าว

สำหรับแนวทางการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาด 5-6 รายการ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค ขณะเดียวกัน บริษัทก็จะมีการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายมากขึ้น เพราะจากปัจจัยลบทางด้านเศรษฐกิจและการเมืองที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ส่งผลให้ภาพรวมยอดขาย 4 เดือนแรกเติบโตเพียง 12% ซึ่งถือว่าต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ว่าทั้งปีจะเติบโตที่ 15%

นายทวี กล่าวอีกว่า นอกจากจะเน้นทำตลาดในประเทศ บริษัทยังมีแผนที่จะขยายตลาดต่างประเทศควบคู่กันไป ซึ่งแนวทางการดำเนินธุรกิจนับจากนี้ จะเน้นการขยายตลาดในภูมิภาคอาเซียนเป็นหลัก เนื่องจากปี 2558 จะมีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะขยายธุรกิจในประเทศเพื่อนบ้าน

ทั้งนี้ จากแนวทางการดำเนินธุรกิจดังกล่าว บริษัทมั่นใจว่าในสิ้นปีนี้จะกลับมาเติบโตตรงตามเป้าหมายที่วางไว้ 15% ได้อย่างแน่นอน เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองเริ่มคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งแนวโน้มที่ดีดังกล่าวน่าจะส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคฟื้นตัวในเร็วๆ นี้