posttoday

ห่วงคนอุตฯยานยนต์ขาด

24 กันยายน 2552

อุตฯ ยานยนต์เป็นห่วงพัฒนาบุคลากรไม่ทัน หลังกำลังการผลิตเพิ่ม คาดปีหน้าเร่งพัฒนาบุคลากรให้ครบตามเป้า 1 แสนคน

อุตฯ ยานยนต์เป็นห่วงพัฒนาบุคลากรไม่ทัน หลังกำลังการผลิตเพิ่ม คาดปีหน้าเร่งพัฒนาบุคลากรให้ครบตามเป้า 1 แสนคน

นายวัลลภ เตียศิริ ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ เปิดเผยว่า ในช่วงปี 2553 จะเริ่มมีการฝึกอบรมพนักงานในอุตสาหกรรมยานยนต์มากขึ้น ภายใต้โครงการการฝึกอบรมบุคลากรในอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่ให้ผู้เชี่ยวชาญจากญี่ปุ่นเข้ามาฝึกอบรมคนไทยให้เป็นผู้เชี่ยวชาญ และนำไปฝึกต่อกับบุคลากรคนไทยต่อจากเดิมที่ฝึกอบรมไปแล้วจำนวน 800 คน
ทั้งนี้ เนื่องจากสถานการณ์ในอุตสาหกรรมยานยนต์ในปีหน้าจะเริ่มกลับมาดีขึ้น ประกอบกับรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐาน (อีโคคาร์) ที่จะเริ่มมีการผลิตแล้วในช่วงปลายปีนี้ จึงกังวลว่าจะพัฒนาคนไม่ทัน

นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวมีเป้าหมายฝึกอบรมบุคลากรจำนวน 1 แสนคน เพื่อรองรับการเปิดสายการผลิตรถยนต์อีโคคาร์ที่จะเริ่มมีการผลิตในช่วงปลายปีนี้ แต่ต้องชะลอโครงการไปเนื่องจากปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ ทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ลดกำลังการผลิตลง และปรับลดจำนวนพนักงาน จึงยังไม่ต้องการฝึกอบรมพนักงานเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้หลายบริษัทเริ่มเปิดศูนย์พัฒนาบุคลากรขึ้นภายในบริษัท โดยให้ผู้เชี่ยวชาญจากญี่ปุ่นเข้ามาฝึกอบรมพนักงานที่มีประสบการณ์ เพื่อพัฒนาบุคลากรของบริษัท โดยสอนให้เป็นครูและนำความรู้ที่ได้ไปถ่ายทอดแก่พนักงานคนอื่นๆ ในบริษัทอีกต่อหนึ่ง

“ในปีหน้ายอดการผลิตรถยนต์จะเพิ่มมากขึ้น โรงงานหลายแห่งจำเป็นต้องเพิ่มกำลังการผลิตจากที่เคยลดลงไปในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ อีกทั้งโรงงานบางแห่งได้เปิดสายการผลิตรถยนต์อีโคคาร์เพิ่มขึ้น ทำให้ในภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์จะต้องการแรงงานเพิ่มขึ้นจำนวนมาก จึงเป็นห่วงว่าจะมีการพัฒนาคนให้ตอบสนองกับกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นไม่ทัน” นายวัลลภ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้หลายๆ บริษัทได้เปิดรับสมัครพนักงานเพิ่ม และบางโรงงานต้องเปิดการทำงานเป็น 2 กะแล้ว เพราะตลาดในประเทศและตลาดส่งออกมีสถานการณ์ที่ดีขึ้น กำลังการผลิตก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่แรงงานที่เคยปลดออกไปยังเรียกกลับมาทำงานไม่ได้

นายวัลลภ กล่าวว่า การเปิดเสรีอาเซียนในปี 2553 เป็นโอกาสของไทย เพราะสินค้าจากไทยมีคุณภาพ แต่ในปี 2558 ที่จะมีการเปิดเขตการค้าเสรีไทยจีน จะเกิดทั้งข้อดีและข้อเสีย คือ จะทำให้ตลาดรถยนต์ขยายใหญ่ขึ้น เพราะจีนมีกำลังการผลิตรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในประเทศเดือนละ 1 ล้านคัน ขณะที่ไทยผลิตปีละ 1 ล้านคัน แต่การที่จีนผลิตสินค้าหลายระดับทำให้อาจมีสินค้าส่งกลับมาขายไทยในราคาถูกได้ ดังนั้นสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม (สมอ.) ต้องกำหนดมาตรฐานและคุณภาพให้เข้มงวดขึ้นเพื่อป้องกันการแย่งตลาด