อีคอมเมิร์ชบนสมาร์ทโฟนบูม

ราคูเท็น ชี้ตลาดอีคอมเมิร์ชบนสมาร์ทโฟนบูม สวนกระแสกำลังการซื้อค้าปลีกหดตัว ต่างชาติรุมทึ้งลงทุนอาเซียน เร่งเจาะลูกค้าภูธร สิ้นปีรายได้โต 100%  ยอดสมาชิกพุ่ง 4.3 ล้านคน

นายภาวุธ พงษ์วิทยภานุ กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ราคูเท็น บริษัท ราคูเท็น เปิดเผยว่า  ภาพรวมอีคอมเมิร์ชหรือธุรกิจร้านค้าออนไลน์บนเว็บไซต์ในปีนี้ คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตถึง 30% สวนกระแสกับกำลังการซื้อค้าปลีกหดตัวลง เนื่องจากสินค้ามีราคาถูกกว่า และสะดวกสบายต่อผู้ซื้อสินค้า อีกทั้งปริมาณคนไทยที่มีประสบการณ์ช้อปปิ้งทางออนไลน์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีราว 10 ล้านคน จากยอดใช้อินเตอร์เน็ตโดยรวม 30 ล้านคน

ทั้งนี้ พบว่าการซื้อสินค้าทางสมาร์ทโฟนและแท็ปแล็ต ช่วงไตรมาสแรกของบริษัทปีนี้ มีสัดส่วนเพิ่มจาก 11% เป็น 50%  และคาดว่าสิ้นปีนี้จะเป็น 60% ส่วนการซื้อทางคอมพิวเตอร์จาก 89%เหลือเป็น 50% ซึ่งอีคอมเมิร์ชยังเป็นตลาดที่มีศักยภาพเติบโตได้อีกมาก นักลงทุนต่างประเทศหลายรายเข้ามาเปิดตลาดอาเซียนมากขึ้น อาทิ ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม หลังจากคาดการณ์จะเป็นตลาดใหญ่ที่สุดในโลก

ขณะที่แผนธุรกิจบริษัท มุ่งขยายตลาดจังหวัดเพิ่มขึ้น เป็นตลาดที่ยังมีช่องว่างให้เข้าไปทำตลาด เนื่องจากยังมีพฤติกรรมช้อปปิ้งทางออนไลน์ไม่มากนัก  เมือเทียบคนกรุงเทพพฤติกรรมช้อปปิ้งพัฒนาพัฒนาไปมากแล้ว  รวมทั้งจะจัดเว็บไซต์เวอร์ชั่นใหม่ในแท็ปเล็ต เพื่อรองรับกับการใช้งานทุกรูปแบบของผู้บริโภค แม้ว่าอัตราการซื้อสินค้าบนแท็ปเล็ตจะชะลอตัวลง ขณะเดียวกันยังผนึกกับพันธมิตรมุ่งทำโปรโมชั่นบนสมาร์ทโฟน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายของลูกค้า

“รูปแบบการทำโปรโมชั่นที่ได้รับการตอบรับที่ดี จะเป็นลักษณะซื้อแล้วสามารถรับรางวัลทันที  จากนี้ตลาดอีคอมเมิร์ชจะแข่งขันรุนแรงยิ่งขึ้น หลังจากมีรายใหม่เข้ามาทำตลาด ใส่งบการตลาดและการทำโปรโมชั่น แม้ว่าเศรษฐกิจในประเทศไทยจะไม่ดี แต่เนื่องจากมีความพร้อมทั้งพฤติกรรมผู้บริโภค ระบบขนส่ง ธุรกรรมการเงิน ทำให้ต่างประเทศสนใจเข้ามาลงทุนในไทยมากกว่า ขณะเดียวกันบริษัทยังมองถึงการขยายขยายธุรกิจไปตลาดอินโดจีน” นายภาวุธ กล่าว

สำหรับแนวโน้มผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอายุ 31-40 ปี สัดส่วน 46% เพราะมีกำลังการซื้อสูง ตามด้วยกลุ่มอายุ 22-30 ปี สัดส่วน 38% และกลุ่มวัยรุ่นอายุ 18-21 ปี มีสัดส่วนเพียง 3% สินค้าที่ได้รับความนิยม ยังคงเป็นเสื้อผ้าสัดส่วน 30% ส่วนกลุ่มอุปกรณ์สื่อสาร 16% กลุ่มอาหารและสินค้าเพื่อสุขภาพ 15% เป็นต้น

นายภาวุธ กล่าวว่า รายได้สิ้นปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 100% และมีสมาชิกเพิ่มจาก 2.5 ล้านคน เป็น 4.3 ล้านคน หลังจากไตรมาสแรกที่ผ่านมายอดขายเติบโต 80% และจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์เติบโต 105%  ส่วนยอดการซื้อสินค้าโดยเฉลี่ย 1,600บาทต่อคนต่อครั้ง ลดลงจากปีที่ผ่านมาราว 1,700-1,800 บาท จากการปัจจุบันเว็บไซต์ของบริษัท มีร้านค้า 2,500 ราย และมีจำนวนสินค้า 4 ล้านรายการ