posttoday

ททท. ดึงโรงแรมผุดแคมเปญอาหารหรูเริ่ม399

02 เมษายน 2557

ททท.ผุดแคมเปญไทยแลนด์ สแปลช แอนด์ สไปซ์ แพ็กเกจอาหารโรงแรมหรูราคาเริ่มต้น 399 บาท ดึงกำลังซื้อนักท่องเที่ยวเพิ่มช่วงโลว์ซีซั่น คาดรายได้ 3.7 หมื่นล้านบาท

ททท.ผุดแคมเปญไทยแลนด์ สแปลช แอนด์ สไปซ์ แพ็กเกจอาหารโรงแรมหรูราคาเริ่มต้น 399 บาท ดึงกำลังซื้อนักท่องเที่ยวเพิ่มช่วงโลว์ซีซั่น คาดรายได้ 3.7 หมื่นล้านบาท 

นางวิไลวรรณ ทวิชศรี รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่าททท. ร่วมกับบริษัท วีซ่า อินเตอร์เนชันแนล เอเชีย-แปซิฟิค แอลแอลซี จัดโครงการไทยแลนด์ สแปลช แอนด์ สไปซ์ 2557 ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 10 เม.ย.-31 พ.ค.นี้ เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อนักท่องเที่ยวคนไทย ชาวต่างชาติ และนักท่องเที่ยวต่างชาติที่พำนักในประเทศไทย ช่วงเทศกาลสงกรานต์และนอกฤดูกาลท่องเที่ยว(โลว์ซีซั่นนี้)

ทั้งนี้เพื่อตอกย้ำอาหารไทยผ่านกิจกรรมดังกล่าว โดยได้รวบรวมโรงแรมระดับ 3-5 ดาวเข้าร่วมราว 145 แห่ง เทียบจากปีที่ผ่านมา 50 แห่ง ใน 5 พื้นที่ท่องเที่ยวหลัก ได้แก่ กรุงเทพฯ พัทยา เชียงใหม่ ภูเก็ต และเกาะสมุย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มโรงแรมย่านราชประสงค์ที่เคยเป็นพื้นที่ชุมนุม ตกลงเข้าร่วมทุกแห่ง โดยทั้งหมดร่วมกันกำหนดแพ็คเกจอาหารราคาพิเศษ ราคา 399  749  และ 1,499  บาท (ราคาดังกล่าวยังไม่รวมค่าบริการและภาษีมูลค่าเพิ่ม)  ซึ่งคาดว่าตลอดการจัดแคมเปญดังกล่าวจะมีรายได้ 3.7 หมื่นล้านบาท

นอกจากนี้ททท.เตรียมจัดเทศกาลอาหารไทย ช่วงเดือนส.ค.ที่จะถึงนี้  เพื่อส่งเสริมและยกระดับอาหารไทยให้เป็นสินค้าทางการท่องเที่ยวที่โดดเด่น โดยอยู่ระหว่างการหารือในรายละเอียด เช่น รวบรวมผู้ประกอบการที่เปิดสอนการทำอาหาร ให้ชาวต่างชาติ การจัดกิจกรรมที่หลากหลาย เพื่อผลักดันให้อาหารไทยเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2 ล้านล้านบาท

นายสมบูรณ์ ครบธีรนนท์ ผู้จัดการวีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย พม่า กล่าวว่า ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรวีซ่าในกลุ่มสินค้าโรงแรมและอาหารในประเทศไทย มูลค่ากว่า 3 แสนบาท สัดส่วน 30% เป็นค่าใช้จ่ายผ่านบัตรวีซ่า โดยการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่มีความรุนแรง ทำให้ผู้ประกอบการนำกลไกของราคาถูกนำมาใช้ ส่งผลให้ยอดการใช้จ่าย/คน/วันลดลงอย่างต่อเนื่อง  วีซ่าต้องร่วมกับการส่งเสริมการใช้จ่ายผ่านโรงแรม ให้นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศมีการพักหลายวันเพิ่มขึ้น เพื่อรักษาระดับการใช้จ่ายในกลุ่มโรงแรมและอาหารให้มียอดการใช้จ่ายเป็นอันดับ 1