posttoday

เจโทรการันตีญี่ปุ่นไม่ทิ้งลงทุนไทย

13 มีนาคม 2557

“เจโทร” ยันญี่ปุ่นยังดาหน้าลงทุนอาเซียน-ไทยเพิ่มขึ้น สูงกว่าเงินที่ทะลักเข้าจีน

“เจโทร” ยันญี่ปุ่นยังดาหน้าลงทุนอาเซียน-ไทยเพิ่มขึ้น สูงกว่าเงินที่ทะลักเข้าจีน

นายเซ็ทซึโอะ อิอุจิ ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) เปิดเผยว่า เม็ดเงินลงทุนโดยตรง (เอฟดีไอ) จากญี่ปุ่นที่ไหลเข้าภูมิภาคอาเซียนยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในปี 2553 ประมาณ 6,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ปี 2554 ประมาณ 1.7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ปี 2556 ประมาณ 2.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถือว่าแซงหน้าเม็ดเงินลงทุนที่ไหลเข้าประเทศจีน

ขณะที่ในปี 2555 เงินลงทุนญี่ปุ่นในอาเซียนมีแค่ 8,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ถือว่ามียอดการลงทุนต่ำกว่าที่ลงทุนในจีนที่ตกประมาณ 1.3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

ผู้บริหารเจโทรยืนยันว่า ปัจจุบันญี่ปุ่นกลายเป็นนักลงทุนสำคัญในอาเซียน โดยมีสัดส่วนเอฟดีไอ 15% ของเงินลงทุนที่เข้ามาในอาเซียนปี 2555 ประมาณ 1.12 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่สหภาพยุโรป (อียู) มีสัดส่วนเอฟดีไอในอาเซียน 15.5% แต่เป็นการรวมกลุ่มกันในหลายประเทศ

นอกจากนี้ บริษัทที่เป็นสมาชิกสมาพันธ์หอการค้าญี่ปุ่นในอาเซียน 5,647 ราย ก็เน้นลงทุนในอาเซียน สะท้อนว่าบริษัทญี่ปุ่นมีพันธสัญญาที่แข็งแกร่งในอาเซียน โดยเฉพาะในไทยที่มีการลงทุนจากญี่ปุ่นมากเป็นอันดับ 1 ตามมาด้วยเวียดนาม

นายเซ็ทซึโอะ กล่าวว่า ธุรกิจญี่ปุ่นยังใช้นโยบายประเทศไทยบวกหนึ่งในอาเซียน โดยบริษัทญี่ปุ่นจะใช้ไทยเป็นศูนย์กลางการลงทุนพร้อมกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา ลาว และพม่า โดยเฉพาะในพื้นที่สำคัญอย่างย่างกุ้งรวมถึง|ติละวา ทวาย และพนมเปญ เช่นกรณีของบริษัท นิเด็ค ที่ลงทุนสร้างโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ในปอยเปต เพื่อป้อนให้โรงงาน ใน จ.พระนครศรีอยุธยา และบริษัท โตโยต้า โบโชคุ ในเครือโตโยต้า ที่จะสร้างโรงงานในสะหวันนะเขตของลาว ซึ่งจะป้อนเบาะรถกลับมาประกอบในไทย

นายเซ็ทซึโอะ กล่าวว่า แม้บางบริษัทจะรอดูสถานการณ์ในประเทศไทย แต่ไม่ได้หมายความว่าจะย้ายฐานการลงทุนเพราะไม่ใช่แนวคิดที่ทำได้ง่าย ถ้าการเมืองไทยกลับมามีเสถียรภาพโดยเร็ว ก็จะทำให้การลงทุนกลับมาได้เร็ว