posttoday

ดีโด้ควัก1.1พันล.ขยายผลิตลุยอาเซียน

12 มีนาคม 2557

ดีโด้ ลงทุนโรงงาน 1,100 ล้านบาท ขยายผลิตบุกตลาดอาเซียน พร้อมแตกเซ็กเมนต์ใหม่ป้องโดนสแปลชบี้

ดีโด้ ลงทุนโรงงาน 1,100 ล้านบาท ขยายผลิตบุกตลาดอาเซียน พร้อมแตกเซ็กเมนต์ใหม่ป้องโดนสแปลชบี้

น.ส.จันทรา พงศ์ศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟู้ดสตาร์ ผู้ผลิตจำหน่ายน้ำผลไม้ดีโด้ เปิดเผยว่า บริษัทลงทุน 1,100 ล้านบาท ขยายผลิตรับแผน 3 ปี มุ่งทำตลาดต่างประเทศเชิงรุก พร้อมขยายเซ็กเมนต์น้ำผลไม้จากระดับล่างสู่กลางครั้งแรกในรอบ 20 ปี โดยจะมีสินค้าใหม่ 4-5 รายการ

ทั้งนี้ งบลงทุน 700 ล้านบาท สร้างโรงงานแห่งใหม่ที่ จ.นครปฐม ขยายกำลังผลิตเพิ่มขึ้น 40% หรือจาก 1 ล้านหีบต่อเดือนเป็น 1.5 ล้านหีบต่อเดือน คาดว่าจะแล้วเสร็จสิ้นปีนี้หรือไตรมาสแรกปี 2558 และใช้งบ 200 ล้านบาท สร้างศูนย์กระจายสินค้า 2 แห่ง ได้แก่ ภาคเหนือ ที่ จ.ตาก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรืออีสาน ใน จ.มหาสารคาม รองรับกับแผนขยายตลาดอาเซียน นำร่อง 4 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา เวียดนาม ลาว และพม่า

ขณะที่งบการตลาดใช้ 200 ล้านบาท เป็นงบสร้างแบรนด์ต่างประเทศ 50 ล้านบาท ปีนี้เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาถึง 4 ประเทศ เนื่องจากเป็นตลาดใหญ่มีประชากรร่วม 300 ล้านคนในอาเซียน เบื้องต้นเจาะช่องทางร้านค้าปลีกดั้งเดิม นับว่าดีโด้รุกตลาดน้ำผลไม้ประเทศเพื่อนบ้านอย่างจริงจังครั้งแรก จากวิสัยทัศน์ก้าวขึ้นเป็นผู้นำน้ำผลไม้ในตลาดอาเซียน

น.ส.จันทรา กล่าวว่า บริษัทวางงบการตลาดในประเทศ 150 ล้านบาท เดินหน้าแตกเซ็กเมนต์น้ำผลไม้ใหม่จากอีโคโนมีเจาะกลุ่มเด็กเล็กมาสู่ซูเปอร์อีโคโนมี เปิดตัวน้ำผลไม้ผสมเนื้อผลไม้ “ดีโด้ เพาชี่” เจาะวัยรุ่น และเปิดตัวน้ำผลไม้ 40%  ชนิดผง เพื่อรักษาผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 40% สแปลช 20-30% จากตลาดกว่า 5,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังทดลองทำตลาดกาแฟสำเร็จรูปสำหรับดูแลรูปร่างแบรนด์ไฮฟิต เนื่องจากตลาดน้ำผลไม้มูลค่า 1.2 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเพียงแค่ 6-7% โดยเซ็กเมนต์ซูเปอร์อีโคโนมีมูลค่า 2,500 ล้านบาท และอีโคโนมีมูลค่า 3,700 ล้านบาท เติบโต 10% ส่วนน้ำผลไม้พรีเมียมมูลค่า 4,800 ล้านบาท

“กำลังซื้อรากหญ้าชะลอตัวลงต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ตลาดน้ำผลไม้จึงโตลดลง การเปิดตลาดอาเซียนจะทำให้บริษัทมีรายได้ทดแทนจากภายในประเทศที่หายไป ส่วนภาพรวมการแข่งขันเครื่องดื่มหน้าร้อนมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ดีโด้คาดว่าหน้าร้อนปีนี้ยอดขายโต 20% เมื่อเทียบกับช่วงปกติ”น.ส.จันทรา กล่าว

สำหรับรายได้สิ้นปีตั้งเป้า 3,000 ล้านบาท โต 20% จากปีที่ผ่านมา แบ่งเป็นรายได้จากต่างประเทศเพิ่มจาก 20% เป็น 30% และในประเทศ 80% เหลือเป็น 70% และ 3 ปีข้างหน้าจะเป็นสัดส่วน 50:50 จากรายได้ 5,000 ล้านบาท