พณ.หวังการเมืองสงบฟื้นการค้าการลงทุน
ปลัดพาณิชย์ ชี้ต่างชาติกำลังจับตาการเมืองไทย เชื่อหากจบกลางปี การค้าการลงทุนคึก ส่งออกโตไม่ต่ำกว่า 5%
ปลัดพาณิชย์ ชี้ต่างชาติกำลังจับตาการเมืองไทย เชื่อหากจบกลางปี การค้าการลงทุนคึก ส่งออกโตไม่ต่ำกว่า 5%
นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นักลงทุนต่างชาติกำลังจับตามองปัญหาการเมืองในไทย ซึ่งขณะนี้ยืดเยื้อมานานกว่า 4 เดือนแล้ว เพราะยอมรับว่า เมื่อเกิดสุญญากาศในการบริหารประเทศ ทำให้รัฐบาลรักษาการทำงานได้ไม่เต็มที่ ซึ่งหากปัญหาการเมืองจบเร็ว สามารถมีรัฐบาลใหม่เข้ามาได้ภายในช่วงกลางปี จะทำให้การค้าการลงทุนกลับมาคึกคักได้อีกครั้ง เพราะด้วยพื้นฐานประเทศไทยยังแข็งแกร่ง มีศักยภาพเหมาะแก่การลงทุน โดยระหว่างนี้กระทรวงพาณิชย์จะร่วมมือกับคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ผลักดันการลงทุนให้เดินหน้าต่อไป
ส่วนภาคการส่งออก หากปัญหาการเมืองจบไวก็จะส่งผลดีต่อการส่งออกในปีนี้ที่น่าจะขยายตัวได้มากกว่า 5% ที่กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ไว้ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ถึงกับเป็นเป้าหมายที่ชัดเจน แต่ก็สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งผลักดันการส่งออกให้เต็มที่ ทั้งในตลาดหลัก และตลาดเกิดใหม่ เพราะถือเป็นภาคธุรกิจหนึ่งที่จะพยุงเศรษฐกิจไทยในปีนี้ให้เติบโต
อย่างไรก็ตาม กำลังติดตามตลาดจีน ซึ่งรัฐบาลจีนกำลังออกมาตรการคุมค่าเงินหยวนเพื่อสร้างเสถียรภาพในประเทศ ซึ่งประเด็นนี้เชื่อว่าเป็นผลดีกับภาคการส่งออกไทย เพราะจะทำให้มูลค่าการส่งออกไทยสูงขึ้น แต่ขณะเดียวกันจะมีผลกระทบกับการนำเข้าวัตถุดิบที่ต้นทุนสูงขึ้นด้วย ดังนั้น จะติดตามความเคลื่อนไหวตลาดจีนอย่างใกล้ชิด รวมทั้งเรื่องการขยายตัวสูงในภาคอสังหาริมทรัพย์จีน ที่หลายฝ่ายเป็นห่วงว่าจะเกิดฟองสบู่ แต่มองว่า จีนน่าจะมีแนวทางเข้ามาดูแลควบคุม
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ ได้ทบทวนแผนยุทธศาสตร์ และจัดทำพิมพ์เขียวเพื่อรองรับการเปิดประชาคมอาเซียน โดยมีเป้าหมายและแผนปฏิบัติในการดำเนินการร่วมระหว่างหน่วยงานของกระทรวงพาณิชย์ ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค รวมทั้งการดำเนินงานร่วมกับภาครัฐและภาคเอกชนภายใต้ 8 ยุทธศาสตร์หลัก ประกอบด้วย
1.ขับเคลื่อนการเจรจาในเวทีเศรษฐกิจของอาเซียนและเวทีเศรษฐกิจการค้าอื่น 2.พัฒนาองค์ความรู้เกี่ยวกับเออีซี 3.การยกระดับการให้บริการของกระทรวงพาณิชย์แก่ภาคเอกชน 4.การพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าของไทย 5.การพัฒนาเศรษฐกิจภูมิภาคแบะการค้าชายแดนรองรับเออีซี 6.การพัฒนาและขยายเพิ่มสัดส่วนการตลาดของไทยในเออีซี 7.การพัฒนากฎหมายด้านเศรษฐกิจการค้าให้ทันสมัย และ 8.การพัฒนาบุคลากรของกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องในภาครัฐและภาคเอกชน