posttoday

สภาที่ปรึกษาฯ ชง12แนวทางปฏิรูปศก.

19 กุมภาพันธ์ 2557

สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เสนอแนวทางการปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศ 12 ด้าน

สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เสนอแนวทางการปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศ 12 ด้าน

นายธนิต โสรัตน์ รองประธานคณะทำงานเศรษฐกิจมหภาคการเงิน การคลัง สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เปิดเผยว่า คณะทำงานฯ ได้ทำการศึกษาถึงแนวทางการปฏิรูปด้านเศรษฐกิจเพื่อนำเสนอต่อทั้งรัฐบาลรักษาการ พรรคการเมืองทุกพรรค ราชการและเอกชน เพื่อให้เป็นแนวทางให้ทุกฝ่ายนำไปศึกษาและขยายผลต่อหลังจากมีรัฐบาลใหม่เข้ามา เพราะที่สุดจะต้องมีรัฐบาลใหม่เข้ามา แต่ในระยะแรกอาจจะทุ่มน้ำหนักไปที่การปฏิรูปการเมือง แต่ที่ผ่านมาหลายนโยบายการเมืองก็เข้ามากระทบเศรษฐกิจ ดังนั้นการนำเสนอแนวทางปฏิรูปเศรษฐกิจให้ก่อนก็จะช่วยให้รัฐบาลใหม่ดำเนินการปฎิรูปได้ง่ายขึ้น

“การปฏิรูปการเมืองของประเทศไทยให้พ้นจากวังวนของความขัดแย้งซึ่งเรื้อรังมาเป็นเวลาหลายปี แต่แนวทางการปฏิรูปยังไม่ชัดเจน เพราะขาดแนวทางของการปฏิรูป  การแก้ปัญหาวิกฤตของประเทศอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ คงไม่ได้อยู่เฉพาะประเด็นทางการเมืองอย่างเดียว จำเป็นที่จะต้องมีการปฏิรูปเศรษฐกิจควบคู่ไปด้วย   ปัญหาการเมืองครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากการขาดโอกาสการเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจของภาคประชาชนฐานราก ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นโดยเฉพาะนโยบายประชานิยมของรัฐ ทำให้ต้องมีการปฏิรูปเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการปฏิรูปการเมือง ซึ่งน่าจะเป็นทางออกของการแก้ปัญหาวิกฤตของชาติในครั้งนี้ได้อย่างยั่งยืน”นายธนิตกล่าว

นายธนิต กล่าวว่า คณะทำงานฯ ได้มีข้อเสนอแนวทางการปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศ 12 ด้าน ได้แก่ 1.การปฏิรูปเศรษฐกิจให้ปลอดจากการครอบงำของภาคการเมือง  พรรคการเมืองและรัฐบาลจะต้องไม่เข้าไปกำหนดนโยบายประชานิยม เพื่อบิดเบือนราคาสินค้าและต้นทุนของภาคเศรษฐกิจจริง ทั้งภาคอุตสาหกรรม บริการ เกษตรกรรม และการไม่เข้าไปแทรกแซงราคาหรือต้นทุนของภาคเอกชน เช่นค่าแรงขั้นต่ำ

2.การปฏิรูประบบราชการไทยให้ปลอดจากคอร์รัปชั่น   การแก้ปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียงในการเลือกตั้งอย่างเป็นระบบ ทั้งในระดับประเทศและท้องถิ่น ซึ่งเป็นรากเหง้าของการทุจริตในระบบราชการ การคอร์รัปชั่นเป็นต้นทุนของธุรกิจ มีผลต่อขีดความสามารถในการแข่งขัน

3.การแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำและความยากจนของภาคเกษตรด้วยการปฏิรูประบบเกษตรแผนใหม่ โครงสร้างความเหลื่อมล้ำทางรายได้ของภาคเกษตรและทำให้ไม่สามารถพึ่งพาตนเองและถูกครอบงำโดยภาคการเมืองในรูปแบบต่างๆ เช่น นโยบายประชานิยม การเพิ่มรายได้เกษตรกรอย่างยั่งยืน จะต้องเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร และปศุสัตว์ รวมทั้งประมง ด้วยการให้มีการแปรรูป รวมทั้งการมียุทธศาสตร์การแปรรูปสินค้าพืชเศรษฐกิจ

4.ส่งเสริมและพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของเอสเอ็มอี  การผลักดันส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตรของ SME  ให้มีการรวมตัวกันเป็นเครือข่ายคลัสเตอร์และโซ่อุปทานเชื่อมโยงกับภาคอุตสาหกรรม 5.การส่งเสริมพัฒนาการส่งออกและการส่งออกค้าผ่านแดนอย่างเป็นระบบ  ควรจัดตั้งเป็น “สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการส่งออกและการค้าระหว่างประเทศ” โดยนำหน่วยงานต่างๆของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก รวมทั้งภาคเอกชนเข้ามาทำงานเชื่อมโยงบูรณาการทั้งด้านแผนงาน ยุทธศาสตร์และงบประมาณการส่งออกอย่างยั่งยืน

6. ส่งเสริมความเข้มแข็งของภาคอุตสาหกรรม ประเทศไทยภายใต้บริบทของการเปิดเสรีการค้า ภายใต้กรอบต่างๆ  การพัฒนาภาคอุตสาหกรรมภายใต้การเปิดเสรีและ AEC เพื่อเป็นแหล่งรองรับการจ้างงาน ในอนาคตทั้งที่มาจากระบบการศึกษาและไหลออกจากภาคเกษตร ด้วยการปฏิรูปทั้งโครงสร้างอุตสาหกรรม ด้านสถาบันการศึกษา กฎหมายการส่งเสริมเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่แข่งขันได้

7.ปฏิรูปและแก้กฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชน  การพิจารณาแก้ไขกฎหมายซึ่งกฎหมายหลายฉบับของไทยที่ใช้ในปัจจุบัน เป็นกฎหมายที่ล้าสมัย ขัดแย้งกับการทำธุรกรรมด้านการค้า การลงทุน กฎหมายผังเมือง รวมถึงด้านโลจิสติกส์ทั้งข้ามแดนและระหว่างประเทศ การแก้ไขกฎหมายภาษีที่มีความซ้ำซ้อนและขาดความเหมาะสม รวมทั้งกฎหมายอิเล็กทรอนิกส์ การขอและต่อใบอนุญาตต่างๆ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับแรงงานต่างด้าว

8.การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยงโลจิสติกส์กับภาคการผลิตและประเทศเพื่อนบ้าน  การเชื่อมโยงระบบขนส่งและโลจิสติกส์กับประเทศเพื่อนบ้านผ่านโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งที่มีอยู่ในปัจจุบันและอนาคต การพัฒนารถไฟทางคู่ทั่วประเทศและเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งการพัฒนาประสิทธิภาพการขนส่งเพื่อเป็นการลดต้นทุนโลจิสติกส์ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั้งระบบรางและการขนส่งทางน้ำ จะต้องเชื่อมโยงกับภาคการผลิต การทบทวนโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล ซึ่งไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน ใช้เงินลงทุนสูงและอาจไม่คุ้มค่ากับใช้ประโยชน์ของผู้ประกอบการไทย เช่น โครงการท่าเรือทวาย ฯลฯ 

9. การปฏิรูปด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม โทรคมนาคมและการวิจัยเพื่อการพัฒนา การปฏิรูประบบเศรษฐกิจ เชื่อมโยงกับเทคโนโลยีระดับสูง รวมถึงส่งเสริม R&D ทั้งในภาควิชาการ และภาคเศรษฐกิจ รวมถึงการพัฒนาพันธุ์พืช-พันธุ์สัตว์ให้เหมาะสมกับพื้นที่และตรงความต้องการของตลาด

10.การปฏิรูปด้านการศึกษา  การทบทวนและปฏิรูประบบการศึกษาทั้งระบบ ตั้งแต่ระดับประถมจนถึงระดับมหาวิทยาลัย รวมถึงการปรับคุณวุฒิ โดยการเทียบประสบการณ์การทำงาน เพื่อให้แรงงานนอกระบบการศึกษาสามารถปรับคุณวุฒิวิชาชีพเข้ากับระบบการศึกษา

11.การปฏิรูปตลาดทุนและตราสารหนี้   ต้องเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ โดยเฉพาะความรู้พื้นฐานทางการเงิน ทั้งระดับการศึกษา ภาครัฐ ภาคประชาชน การส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะเอสเอ็มอีสามารถเข้าถึงตลาดตราสารหนี้ ในฐานะเป็นเครื่องมือระดมทุนเพิ่มสภาพคล่องและดอกเบี้ยต่ำแก่ธุรกิจ

12.การปฏิรูปมาตรการการเงิน การคลัง และการส่งเสริมการลงทุน  เนื่องจาก ทุกครั้งที่มีปัญหาทางเศรษฐกิจ มาตรการการ ลดภาษี หรือการส่งเสริมการลงทุนด้วยการลดภาษีต่างๆ ผู้ที่ได้รับประโยชน์จะเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ขณะที่ผู้ประกอบการรายย่อย SME เกษตรกร ภาคบริการไม่สามารถเข้าถึงนโยบายดังกล่าว ขณะเดียวกันดอกเบี้ยนโยบายมักไม่สอดคล้องกับดอกเบี้ยของสถาบันการเงิน โดยสถาบันการเงินยังคงกำหนดอัตราดอกเบี้ยของผู้ประกอบการรายย่อย มีอัตราที่สูงกว่าผู้ประกอบการรายใหญ่ ทำให้ต้นทุนของผู้กอบการของSMEสูงกว่า