posttoday

จำปีทุ่มเงินซื้อใจพนักงาน

10 กุมภาพันธ์ 2557

บอร์ดบินไทยเล็งควักเงินพันล้านซื้อใจพนักงาน สกัดชัตดาวน์ คนไม่ปลื้มผู้บริหาร

บอร์ดบินไทยเล็งควักเงินพันล้านซื้อใจพนักงาน สกัดชัตดาวน์ คนไม่ปลื้มผู้บริหาร

แหล่งข่าวจากคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท การบินไทย เปิดเผยว่า ในวันที่ 13 ก.พ.นี้ จะมีการประชุมพิจารณาผลตอบแทนพิเศษให้แก่พนักงานการบินไทย โดยมีวงเงินรวม 1,000 ล้านบาท เบื้องต้นมีการเสนอว่าจะแบ่งเงินเป็น 2 ก้อน คือ ก้อนแรกสัดส่วน 70% จะจัดสรรให้พนักงาน โดยคำนวณจากค่าเคพีไอของแต่ละฝ่าย ซึ่งคาดว่าจะสามารถจ่ายเงินได้ในเดือน มี.ค.

ขณะที่เงินก้อนที่ 2 สัดส่วน 30% จะจัดสรรให้พนักงานทุกคนเท่าๆ กัน หรือเฉลี่ยเกือบ 1.2 หมื่นบาทต่อคน คาดว่าจะจ่ายเงินได้ช่วงกลางเดือน ก.พ.นี้

อย่างไรก็ตาม กลุ่มนักบินได้เสนอว่าควรได้รับผลตอบแทนเพิ่มเติมอีก จึงเสนอให้มีเงินพิเศษอีกก้อนสำหรับนักบิน พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน (แอร์และสจ๊วด) และพนักงานต้อนรับภาคพื้นดินที่ทำงานเกี่ยวกับเที่ยวบินระหว่างประเทศด้วย

แหล่งข่าวเปิดเผยต่อว่า การเคลื่อนไหวเรียกร้องให้หยุดปฏิบัติหน้าที่การทำงาน (ชัตดาวน์) การบินไทยในวันที่ 10 ก.พ.นี้ เป็นการกระทำของกลุ่มสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท การบินไทย กลุ่มเดิมที่มีอำนาจอยู่ แต่ไม่เกี่ยวข้องกับนักบิน แอร์ สจ๊วด และช่าง ซึ่งไม่ต้องการให้บริษัทเสียหายเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ จะต้องรอผลการพิจารณาเรื่องการจ่ายเงินพิเศษในวันที่ 13 ก.พ.ว่าจะเป็นอย่างไร

ด้าน นายดำรงค์ ไวยคณี ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท การบินไทย กล่าวว่า สหภาพฯ ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับชัตดาวน์บริษัทในวันที 10 ก.พ. และขณะนี้กำลังตรวจสอบว่าพนักงานส่วนใดเป็นแกนนำ

พร้อมกันนี้ ตั้งข้อสังเกตว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นผลจากพนักงานบริษัท การบินไทย ไม่สามารถอดทนกับพฤติกรรมการบริหารงานของนายอำพน กิตติอำพน ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท การบินไทย และนายโชคชัย ปัญญายงค์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส สายการพาณิชย์ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ที่ไม่มีความชอบธรรมและต้องการให้พ้นจากตำแหน่ง และเป็นไปได้ว่าฝ่ายบริหารอาจอยู่เบื้องหลังการปล่อยข่าวชัตดาวน์และโยนความผิดว่าสหภาพฯ อยู่เบื้องหลัง

“วันนี้ต้องจับตาว่าจะเกิดการชัตดาวน์บริษัทจริงหรือไม่ แต่สหภาพฯ ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง”นายดำรงค์ กล่าว

ทั้งนี้ สหภาพฯ ได้เตรียมแนวทางเคลื่อนไหวเพื่อกดดันให้ผู้บริหารทั้งสองคนลาออกต่อไป หลังการเมืองระดับประเทศสงบ เพื่อหลีกเลี่ยงการเชื่อมโยงเรื่องราวกัน