posttoday

ปราจิน เอี่ยมลำเนา การเมืองเป็นยังไง...เศรษฐกิจต้องเดินหน้าต่อ

05 พฤษภาคม 2553

ไม่บ่อยนักที่เจ้าพ่อมอเตอร์โชว์เมืองไทยอย่าง ปราจิน เอี่ยมลำเนาจะยอมออกมาเปิดปากวิพากษ์วิจารณ์สถานการณ์ความเป็นไปของบ้านเมืองง่ายๆ

ไม่บ่อยนักที่เจ้าพ่อมอเตอร์โชว์เมืองไทยอย่าง ปราจิน เอี่ยมลำเนาจะยอมออกมาเปิดปากวิพากษ์วิจารณ์สถานการณ์ความเป็นไปของบ้านเมืองง่ายๆ

โดย...พิสันต์ อิทธิวัฒนกุล

ไม่บ่อยนักที่เจ้าพ่อมอเตอร์โชว์เมืองไทยอย่าง ปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานบริหาร บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล ผู้จัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ จะยอมออกมาเปิดปากวิพากษ์วิจารณ์สถานการณ์ความเป็นไปของบ้านเมืองง่ายๆ โดยเฉพาะท่ามกลางบรรยากาศการเมืองอันร้อนระอุอย่างเช่นในปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม จากความสำเร็จของการจัดงานมอเตอร์โชว์ครั้งล่าสุด ที่ทำยอดขายได้ในระดับ 2.7-2.8 หมื่นคัน ทั้งที่เป็นการจัดงานในช่วงบรรยากาศของม็อบเสื้อแดงพอดี ทำให้หลายฝ่ายอดไม่ได้ที่จะต้องตั้งคำถามเรื่องการเมืองกับอุตสาหกรรมเมืองไทยกับเขาคนนี้

ปราจิน เอี่ยมลำเนา การเมืองเป็นยังไง...เศรษฐกิจต้องเดินหน้าต่อ

“ผมมองว่าการเมืองวันนี้คงไม่ส่งผลกระทบกับอุตสาหกรรมยานยนต์ในภาพรวมสักเท่าใดนัก ส่วนหนึ่งคนไทยเราค่อนข้างชิน ม็อบนี้ไม่ใช่ครั้งแรก เจอกันมาเยอะจนคนค่อนข้างเบื่อ นอกจากนี้มองว่าภาคธุรกิจเองก็ต้องเดินหน้าของตัวเองต่อไป ไม่มีใครหยุดได้ รถใหม่ก็ต้องเปิดตัว คนที่ซื้อเพราะความจำเป็นก็ต้องซื้ออยู่ดี”

ซึ่งผมมั่นใจว่าความวุ่นวายทางการเมืองน่าจะสงบและได้ข้อยุติเกี่ยวกับปัญหาทั้งหมดในเร็ววัน

ปราจิน มองว่าเหตุการณ์ความไม่มั่นคงทางการเมือง ด้วยการเข้ายึดพื้นที่ราชประสงค์-สีลม ของกลุ่มผู้เรียกร้องการทางเมืองนั้น จะยังไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยแต่อย่างใด เนื่องจากจำนวนผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นั้นมีจำนวนน้อยกว่าผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง หรือพูดให้ง่ายก็คือ จำนวนคนที่มาร่วมชุมนุมคิดเป็นสัดส่วนที่เล็กน้อยมาก เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรในประเทศ

เขาย้ำอีกว่า ในมุมมองของคนจัดงานแสดงรถยนต์ เชื่อมั่นว่าผลกระทบทางด้านการเมืองจะไม่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ในภาพรวม ขณะเดียวกันภาคธุรกิจก็มีการผลักดันตลาดด้วยสินค้าหรือโปรโมชันอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ไม่ใช่แค่รถใหม่ที่ยังเติบโตได้ดี ตลาดรถยนต์มือสองก็ยังเดินหน้าขยายตัวเช่นกัน โดยจะเห็นได้จากยอดจองพื้นที่ในงานบางกอก ยูสด์คาร์ 2010 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-25 ก.ค. ที่จะถึงนี้ ซึ่งมีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมจองพื้นที่ที่เตรียมไว้ 2 หมื่นตารางเมตร เต็มเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“ผมมองว่าตลาดก็ยังไม่ได้เลวร้ายนัก ตอนนี้ก็อยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าจะเพิ่มพื้นที่อีก 1 หมื่นตารางเมตร เพื่อให้เต็มชาเลนเจอร์ ฮอลล์ ดีหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาก็มีผู้ประกอบการหลายรายที่เรียกร้องให้เราเพิ่มพื้นที่ให้มากขึ้น”

สำหรับตลาดรถยนต์ใหม่นั้น ปราจิน บอกว่า ความสำเร็จที่ค่ายรถแต่ละรายมียอดจำหน่ายที่ดีจากงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งล่าสุด จะทำให้ผู้ประกอบการมีความมั่นใจมากขึ้น

ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการที่ตลาดรถยนต์อั้นการซื้อไว้มากจากปีที่ผ่านมา และค่ายรถเองก็ออกสินค้าที่โดนใจลูกค้าออกมามากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มรถยนต์นั่งขนาดเล็กอย่างนิสสัน มาร์ช และมาสด้า 2 ที่สามารถสร้างยอดจำหน่ายได้ดีในตลาด

ปราจิน กล่าวแสดงความเชื่อมั่นว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยจะเดินหน้าเติบโตอย่างแน่นอน และมั่นใจว่าเป้าหมายการผลิตรถยนต์ในประเทศไทยมากกว่า 1.45 ล้านคัน เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ โดยการผลิตดังกล่าวจะแบ่งเป็นการผลิตเพื่อรองรับกับความต้องการในประเทศ 6.8 แสนคัน และตลาดส่งออกอีก 7 แสนคัน หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตที่ 30-40% จากปีที่ผ่านมา

และทั้งหมดนี้คือความมั่นใจของเจ้าพ่อมอเตอร์โชว์ ที่เชื่อว่ายังไงอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยก็ไม่ตายแน่นอน!!!