posttoday

สีเบเยอร์โอดหนี้ครัวเรือน-การเมืองกระทบตลาด

19 พฤศจิกายน 2556

สีเบเยอร์ โอดหนี้สินครัวเรือนพุ่ง การเมืองร้อน กระทบตลาดสีทาอาคารปีนี้ หดตัวจาก 2 หมื่นล้าน เหลือ1.7 หมื่นล้าน ต้องพึ่งช่องทางออนไลน์ขยายตลาด

สีเบเยอร์ โอดหนี้สินครัวเรือนพุ่ง การเมืองร้อน กระทบตลาดสีทาอาคารปีนี้ หดตัวจาก 2 หมื่นล้าน  เหลือ1.7 หมื่นล้าน ต้องพึ่งช่องทางออนไลน์ขยายตลาด 

นายเกริกฤทธิ์ แสงทอง ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มบริษัท สีเบเยอร์ เปิดเผยว่าตลาดสีทาอาคารในปีนี้ได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบ หลายประการ ไม่ว่าจะเป็นภาระหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น จากอัตราดอกเบี้ยธนาคารต่ำส่งผลให้คนก่อหนี้มากขึ้น ปัญหารถยนต์คันแรก ขณะที่ในช่วงนี้มีเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองที่ส่งผลทางจิตวิทยาที่ทำให้กำลังซื้อผู้บริโภคชะลอตัว

“ตลาดสีทาอาคารปีก่อนมีมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท ประเมินว่าปีนี้หดตัวลงแน่ 15% เหลือ 1.7 หมื่นล้านบาท เพราะปัจจัยลบดังกล่าวขณะที่ยอดขายของ สีเบเยอร์  ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมาเติบโตเพียง10%  จากเป้าทั้งปีตั้งไว้เติบโต 25%  ซึ่งยังถือว่ามีการเติบโต สวนทางกลับตลาดสีที่หดตัวถือว่าไม่แย่จนเกินไป”นายเกริกฤทธิ์กล่าว

ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทฯมีศูนย์จำหน่ายสีทั่วประเทศ 1,500 แห่ง ในปีหน้ามีแผนจะเพิ่มศูนย์จำหน่ายอีก 200 แห่ง รวมเป็น 1,700 แห่ง  

นายวรวัฒน์ ชัยยศบูรณะ รองประธานบริหาร กลุ่มบริษัท สีเบเยอร์ กล่าวว่าบริษัทฯต้องการเปิดผู้นำในการผลิตสีทาง
ด้านนวัตกรรม รวมไปถึงใช่ช่องทางออนไลน์ในการขายสีทาอาคาร เนื่องจากปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนและให้ความสำคัญมากขึ้นในการซื้อสินค้าผ่านช่องทางดังกล่าว ซึ่งล่าสุดได้ใช้งบ 50 ล้านบาท เปิดตัวกิจกรรม Beger BeYours...Be You, Be Different ที่ให้ผู้บริโภคสามารถเลือกเฉดสีได้ตาที่ตนเองต้องการ จากงบการตลาดรวมทั้งปี  400 ล้านบาท 

พร้อมกันนี้ยังได้เปิดตัวนวัตกรรม เครื่องขายสีหยอดเหรียญอัตโนมัติ เครื่องแรกในเอเชียนำเข้าจากประเทศอิตาลี มูลค่ากว่า 3 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้การเลือกสีทาบ้านง่ายขึ้น สามารถทดลองทาสีที่ชอบในสภาพแวดล้อมจริงก่อนตัดสินใจซื้อ รวมไปถึงการซื้อขายผ่านระบบออนไลน์ผ่าน www.begerbeyours.com

“การซื้อสีออนไลน์ถือว่าเป็นรูปแบบใหม่ที่เพ่งเกิดขึ้น เพื่อรับกับพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ ที่ใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟน รวมไปถึงสื่อออนไลน์มากขึ้น ซึ่งหากระบบการชำระเงินในไทย มีความพร้อมและปลอดภัยมากขึ้นจะทำให้รูปแบบดังกล่าวเติบโตสูงขึ้นจะเห็นได้ว่าในประเทศในเอเชียอย่างจีนมีการซื้อสีผ่านออนไลน์และอีคอมเมิร์ซประมาณ 5-10% แล้ว”นายวรวัฒน์กล่าว