posttoday

หนุนคุมอายุรถวิ่งในกทม.

09 ตุลาคม 2556

ธนชาต หนุนแนวคิดจำกัดอายุรถเกิน 7-10 ปี วิ่งในกทม.แก้ปัญหารถล้นระบบ เชื่อส่งผลดีธุรกิจเช่าซื้อ ด้านเค-ลีสซิ่ง หวั่นสร้างความเหลี่ยมล้ำ-ทำธุรกิจเต๊นท์รถมือสองเจ๊งระนาว

ธนชาต หนุนแนวคิดจำกัดอายุรถเกิน 7-10 ปี วิ่งในกทม.แก้ปัญหารถล้นระบบ เชื่อส่งผลดีธุรกิจเช่าซื้อ ด้านเค-ลีสซิ่ง หวั่นสร้างความเหลี่ยมล้ำ-ทำธุรกิจเต๊นท์รถมือสองเจ๊งระนาว         

 นายอนุชาติ ดีประเสริฐ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์และงานขายลูกค้ารายย่อย ธนาคารธนชาต กล่าวว่า แนวคิดการจำกัดรถยนต์ที่มีอายุเกิน 7-10 ปี วิ่งในพื้นที่กรุงเทพฯเพื่อแก้ปัญหาการจราจรจากรถยนต์ที่ล้นระบบของกองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) ถือเป็นแนวคิดที่ดีและควรได้รับการสนับสนุน เนื่องจากที่ผ่านมาไทยไม่เคยมีกฎหมายจำกัดอายุรถยนต์ ทำให้รถยนต์ไม่เคยหายไปจากระบบ ขณะเดียวกัน ไทยยังมีรถเก่าที่ไม่ได้มาตรฐานความปลอดภัยวิ่งอยู่บนท้องถนนจำนวนมาก         

 “คนตายเรายังมีใบมรณบัตรให้แต่รถในไทยไม่เคยออกจากระบบเลย เมื่อปริมาณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆถนนก็ไม่รองรับ รถบางคันแทบจะเป็นเศษเหล็กแล้วก็ยังวิ่งอยู่ ซึ่งการใช้รถเก่ามากๆถ้ามองในแง่ค่าสึกหรอก็ถือว่าไม่คุ้มค่าสำหรับคนขับขี่อยู่แล้ว อีกทั้งยังมีความเสี่ยงเรื่องความปลอดภัยของตัวคนขับเองและคนอื่นด้วย ”นายอนุชาติ กล่าว         

อย่างไรก็ตาม มองว่าเรื่องนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องมีการแจ้งให้ประชาชนรับรู้ล่วงหน้าตามสมควร เพื่อให้คนที่ครอบครองหรือใช้รถอายุเกินกำหนดดังกล่าวมีเวลาวางแผนและเตรียมตัวล่วงหน้า เนื่องจากคาดว่าปัจจุบันรถยนต์เก่าที่มีอายุเกิน 10 ปี ในพื้นที่กทม.น่าจะมีอยู่ในหลักล้านคัน           

นายอนุชาติ กล่าวว่า หากมีการนำแนวคิดนี้มาปฏิบัติจริงเชื่อว่าน่าจะเป็นส่งผลดีต่อภาพรวมธุรกิจเช่าซื้อในไทย จากรอบหมุนการเปลี่ยนรถยนต์ของคนกทม.ที่จะเร็วขึ้นคล้ายกับพฤติกรรมการใช้รถของคนในต่างประเทศ ขณะที่ผลกระทบต่อตลาดรถมือสองเชื่อว่าจะมีไม่มาก เนื่องจากรถเก่าที่นิยมขายกันอยู่ในปัจจุบันจะมีอายุเฉลี่ย 6-8 ปี โดยมีรถที่อายุเกิน 10-14 ปี เป็นส่วนน้อย ซึ่งการซื้อขายส่วนใหญ่ยังอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัดอีกด้วย                 

ด้านนายอิสระ วงศ์รุ่ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัทลีสซิ่งกสิกรไทย กล่าวว่า แนวคิดการจำกัดอายุรถยนต์เพื่อแก้ปัญหาการจราจร อาจสร้างความเหลี่ยมล้ำให้มีคนกทม.จำนวนหนึ่งที่มีรายได้ไม่สูงมากและไม่มีกำลังซื้อรถใหม่ได้รับความเดือดร้อน ขณะเดียวกัน ยังอาจซ้ำเติมให้ตลาดรถยนต์มือสองซึ่งขณะนี้ชะลอตัวค่อนข้างมากจากโครงการรถคันแรกได้รับผลกระทบรุนแรงขึ้นจนอาจทำธุรกิจไม่ได้และต้องปิดกิจการ          

“ปัจจุบันมูลค่าสินทรัพย์ในพอร์ตของผู้ประกอบการแต่ละเจ้าก็ได้รับผลกระทบจากราคารถมือสองที่ลดลงผิดปกติอยู่แล้ว ถ้าราคารถมือสองยังลงอีกจากแนวคิดนี้มูลค่าสินทรัพย์จะยิ่งลดลง ทำให้ผู้ประกอบการอาจปล่อยกู้ซื้อรถได้ยากขึ้น ต้องเพิ่มเงินดาวน์ คุมเพดานวงเงินกู้ ซึ่งปรากฎการณ์นี้เคยเกิดขึ้นกับสินเชื่อบ้านมาแล้ว ตอนที่ราคาบ้านมือสองตกมากๆ” นายอิสระ กล่าว          

ทั้งนี้ มองว่าการลดจำนวนรถยนต์ในระบบสามารถยังมีทางเลือกที่ทำได้ในรูปแบบอื่น เช่น การออกกฎหมายทำลายรถหรือการออกกฎหมายให้ไทยสามารถจำหน่ายรถเก่าไปยังต่างประเทศได้ โดยอาจเริ่มจากกลุ่มประเทศอาเซียนเพื่อรับจังหวะการเปิดประชาคมเศรษฐกิจหรือเออีซี ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยให้ไทยระบายรถออกจากระบบได้บางส่วน