posttoday

ดัชนีอุตฯร่วงต่อเป็นเดือนที่ 5

27 กันยายน 2556

ดัชนีอุตสาหกรรมเดือนส.ค. ติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 เหตุหมดโปรรถคันแรก ฝากความหวังที่ยอดผลิตรถยนต์-ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์

ดัชนีอุตสาหกรรมเดือนส.ค. ติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 เหตุหมดโปรรถคันแรก ฝากความหวังที่ยอดผลิตรถยนต์-ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์

นายสมชาย หาญหิรัญ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนส.ค.อยู่ที่ 173.33 ลดลง 3.1% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 นับตั้งแต่เดือนเม.ย.ที่ติดลบ 3.9% เนื่องจากการผลิตรถยนต์ชะลอตัวกลับสู่ภาวะปกติ จากช่วงปีที่ผ่านมาที่มีการเร่งผลิตรถยนต์ออกให้ทันคำสั่งซื้อจากโครงการรถคันแรก และชดเชยกำลังการผลิตในช่วงน้ำท่วมเมื่อปลายปี 2554

ทั้งนี้ คาดว่า ดัชนีอุตสาหกรรมในเดือนหน้าจะเริ่มกลับมาเป็นบวกอีกครั้ง เนื่องจากอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มมีการผลิตเพิ่มขึ้น 7.61% เพราะมียอดคำสั่งซื้อจากตลาดหลักเข้ามามากขึ้น โดยเฉพาะตลาดญี่ปุ่นที่มีการขยายตัวถึง 7% รวมทั้งอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟที่เริ่มฟื้นกลับมาขยายตัวเป็นบวกอยู่ที่ 2.12% เนื่องจากการเติบโตของอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานกับสมาร์ทโฟน

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยบวกจากภายนอกที่จะช่วยประคองให้ดัชนีอุตสาหกรรมปีนี้ยังเป็นบวกได้อยู่ คือ ภาวะเศรษฐกิจโลกที่เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวทั้งในสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และจีน ค่าเงินบาทที่มีเสถียรภาพมาอยู่ที่ระดับ 31-31.50 บาทต่อเหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมันที่เริ่มนิ่ง ส่วนปัจจัยภายในประเทศจากโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2.2 ล้านล้านบาทนั้น ยังไม่ส่งผลในช่วงนี้แต่จะเริ่มเห็นผลในปีหน้า

“ภาพรวมดัชนีอุตสาหกรรมปีนี้ น่าจะยังจะขยายตัวอยู่ที่ระดับ 0.5-1% ตามเป้าเดิมที่ตั้งไว้ แต่จะหวังให้การเติบโตสูงเกิน 1% คงจะเหนื่อย โดยยังหวังพึ่งการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์เช่นเดิม” นายสมชาย กล่าว

อย่างไรก็ดี หากยอดการผลิตรถยนต์รวมปีนี้สามารถทำได้ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 2.5 ล้านคัน ก็อาจทำให้ดัชนีอุตสาหกรรมปีนี้ติดลบได้ เนื่องจากอุตสาหกรรมรถยนต์ถือเป็นอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลต่อการขยายตัวของดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม

ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตของภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค.อยู่ที่ 63.45% ต่ำสุดในรอบ 5 เดือนนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ที่มีอัตรากำลังการผลิตอยู่ที่ 60.40%