posttoday

เป๊ปซี่ขยายฐานลงทุนไทยหวังทวงแชมป์น้ำดำ

30 สิงหาคม 2556

"เป๊ปซี่โค" ย้ำตลาดไทยยังสดใส เร่งเดินหน้าโรงงานใหม่ดันยอดผลิตพุ่งมุ่งทวงแชมป์น้ำดำ

"เป๊ปซี่โค" ย้ำตลาดไทยยังสดใส เร่งเดินหน้าโรงงานใหม่ดันยอดผลิตพุ่งมุ่งทวงแชมป์น้ำดำ

ศาสตราจารย์ ดร. สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ประธาน บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า ประเทศไทย ถือเป็นประเทศที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับเป๊ปซี่โค  เนื่องจากเป็นตลาดที่มีการเติบโตเป็นอันดับต้นๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และเป็นฐานที่ตั้งของโรงงานผลิตเครื่องดื่มที่ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในโรงงานภายใต้หลังคาเดียว (single plant)  ของเป๊ปซี่โคที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ขณะนี้ บริษัทฯ ได้เดินหน้าลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นไปตามแผนการลงทุนระยะยาว 3 ปี (พ.ศ. 2555-2558)  ที่มีมูลค่ารวมถึง 18,400 ล้านบาท ( 600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) โดยมองว่า ผลิตภัณฑ์ของเป๊ปซี่โคยังได้รับความนิยมและเป็นที่ต้องการอย่างมากสำหรับตลาดประเทศไทยและมีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มสูงขึ้นในระยะยาว

ดังนั้น บริษัทฯ จึงได้เดินหน้าขยายกำลังการผลิตอย่างเต็มสูบ ทั้งในส่วนที่ได้เพิ่มไลน์การผลิตของโรงงานเครื่องดื่มภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ระยอง รวมทั้งการตั้งโรงงานผลิตขนมขบเคี้ยวแห่งที่สอง ณ นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จ.อยุธยา ซึ่งได้รับอนุมัติการประกอบกิจการโรงงานจากกระทรวงอุตสาหกรรมเมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา

นอกจากนี้ เป๊ปซี่โคยังเร่งเสริมความแข็งแกร่งในด้านการผลิตทั้งในส่วนเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยว ทั้งยังได้มุ่งผลักดันหนึ่งในกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจขององค์กรที่เรียกว่า “Power of One” ให้ก้าวไปอีกขั้น ซึ่งเป็นการผนึกความร่วมมือและประสานพลังความแข็งแกร่งของทั้งสองธุรกิจในด้านต่างๆ  ไม่ว่าจะเป็น การสร้างแบรนด์ การจัดจำหน่ายและการทำการตลาดร่วมกัน รวมถึงนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบสนองรสนิยมของคนไทยมากขึ้น 

พร้อมกันนี้ เป๊ปซี่โคยังเดินหน้าสานต่อการดำเนินธุรกิจแบบยั่งยืน โดยร่วมกับเกษตรกรในชุมชนท้องถิ่นขยายพื้นที่เพาะปลูกและรับซื้อมันฝรั่ง พร้อมสนับสนุนให้เพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพในการเพาะปลูก ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับเกษตรกร แต่ยังช่วยพัฒนาคุณภาพของมันฝรั่งในประเทศด้วย  ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวจะช่วยสร้างความยั่งยืนในการจัดหาวัตถุดิบ ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางการดำเนินธุรกิจของเป๊ปซี่โคที่มุ่งเน้นการใช้วัตถุดิบจากแหล่งในประเทศเป็นหลัก และสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในการจัดทำเขตเกษตรเศรษฐกิจ (Zoning) ด้วยเช่นกัน

นายจา-กรูท โคเตชา กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง กล่าวว่า ปัจจุบันโรงงานผลิตสามารถเดินเครื่องผลิตได้แล้ว 7 ไลน์ และอีก  1 ไลน์จะผลิตได้ต้นปีหน้า ทำให้บริษัทมีความพร้อมด้านการผลิตอย่างเต็มที่ และพร้อมบุกตลาดเต็มรูปแบบ โดยเพิ่มการลงทุนอย่างต่อเนื่องในด้านเทคโนโลยีที่ส่งเสริมการขายและการติดต่อสื่อสารกับลูกค้า อาทิ อุปกรณ์สนับสนุนการขายแบบพกพา (Handheld Device) อุปกรณ์ GPS บอกพิกัดร้านค้า และระบบการประชุมทางไกลและจอดิจิตอลแสดงผลข้อมูลการปฏิบัติงานแบบวันต่อวัน เป็นต้น

ทั้งนี้หลังจากบริษัทเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายด้วยตัวเองตั้งแต่เดือนพ.ย. 2555 จนถึงปัจจุบันบริษัทได้ลงทุนด้านการทำตลาดแล้วกว่า 900 ล้านบาท เพื่อรักษาความแข็งแกร่งของแบรนด์และสร้างความผูกพันกับผู้บริโภค อาทิ การเปิดตัวเป๊ปซี่กระป๋องสลิมลวดลาย ‘บียอนเซ่’ รุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น การเซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรระดับอาเซียนกับสโมสรฟุตบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จนผลักดันให้ ‘เป๊ปซี่’ สามารถครองแชมป์อันดับหนึ่งของเครื่องดื่มโคล่าในช่องทางโมเดิร์นเทรดด้วยส่วนแบ่งการตลาดที่สูงกว่า 40% ตั้งแต่เดือนเม.ย.2556 ที่ผ่านมา และยังคงความเป็นที่หนึ่งจนถึงปัจจุบัน

"นอกจากนี้ ส่วนแบ่งการตลาดในช่องทางเทรดดิชันนอลเทรดของเราก็เติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันสามารถเจาะกลุ่มร้านค้าและร้านอาหารได้ถึง 120,000 ร้านค้า ซึ่งเรายังคงเห็นโอกาสทางธุรกิจและมุ่งขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่องผ่านกลยุทธ์ ‘Viral Coverage Expansion’ นอกจากความสำเร็จที่กล่าวมา เรายังได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มธุรกิจชั้นนำหลายรายในการเป็นพันธมิตรเพื่อจำหน่ายเครื่องดื่มผ่านตู้กด อาทิ เคเอฟซี, พิซซ่าฮัท, เดอะพิซซ่า คอมปะนี, เครือเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์, ศูนย์การค้าซีคอน, เชสเตอร์กริลล์ รวมถึงซานโตรินี พาร์ค และพร้อมที่จะขยายจำนวนพันธมิตรเพิ่มขึ้นในอนาคต” นายจา-กรูท กล่าว

สำหรับในส่วนธุรกิจขนมขบเคี้ยว นางสาวมุกดา ไพรัชเวทย์ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจอาหารและขนมขบเคี้ยว บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง กล่าวว่า เป๊ปซี่โค ครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับหนึ่งทั้งในตลาดมันฝรั่งทอดกรอบและตลาดขนมขึ้นรูป  และล่าสุดได้ตัดสินใจขยายกำลังการผลิต (ภายใต้แผนการลงทุนระยะยาว 3 ปี) โดยตั้งโรงงานผลิตขนมขบเคี้ยวแห่งที่สอง บนพื้นที่ 50 ไร่ ภายในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จ.อยุธยา มีมูลค่าการลงทุนรวม 2,387 พันล้านบาท ซึ่งโรงงานดังกล่าวมีแผนที่จะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2557 มีกำลังการผลิตสูงสุดถึง 22,000 ตันต่อปี  ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตขนมขบเคี้ยวในประเทศของเป๊ปซี่โคได้ถึง 49%