posttoday

เอกชนแนะรัฐให้ความรู้เกษตรกรก่อนจัดโซนนิ่ง

08 กรกฎาคม 2556

เอกชนแนะรัฐบาลให้ความรู้ภาคเกษตรกรก่อนทำโซนนิ่งพื้นที่เกษตร พร้อมเสนอพัฒนาท่าเรือไทยให้ขนถ่านสินค้าได้รวดเร้ว

เอกชนแนะรัฐบาลให้ความรู้ภาคเกษตรกรก่อนทำโซนนิ่งพื้นที่เกษตร พร้อมเสนอพัฒนาท่าเรือไทยให้ขนถ่านสินค้าได้รวดเร็ว

นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงหลังการประชุมผู้ประกอบอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร โดยมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธานว่า การหารือดังกล่าวจัดขึ้น เนื่องจากนายกรัฐมนตรีต้องการทราบปัญหาของผู้ประกอบการว่ามีปัญหาอย่างไรบ้าง โดยการพูดคุยเน้นการเพิ่มมูลค่าทางการเกษตร ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการจัดโซนนิ่งพื้นที่ทางการเกษตร

ทั้งนี้จะได้เป็นการปรับตัวทั้งภาคเกษตรกรและผู้ประกอบการให้มีความเชื่อมโยงมากขึ้น และจะมีการดูแลเรื่องห่วงโซ่ การเชื่อมโยงการส่งออกให้มีความสะดวก รวดเร็ว ดังนั้นจึงต้องให้ความสำคัญในการหาจุดยืนในการการส่งออกให้เป็นที่ยอมรับมากขึ้น เช่น การพัฒนาอาหารฮาลาสให้เป็นที่ยอมรับ เป็นต้น

ด้านภาคเอกชนระบุว่า แต่ละประเทศมีมาตรฐานในการนำเข้าอาหารที่แตกต่างกัน จึงมีความจำเป็นที่ภาครัฐต้องให้ความรู้แก่ภาคเกษตรกรให้เทียบเท่ากับผู้ผลิต ซึ่งสอดคลองกับนโยบายรัฐบาลในการทำเกษตรโซนนิ่ง นอกจากนี้ยังต้องการให้แก้ไขกฎขององค์การอาหารและยาหรือ อย.ให้เอื้อต่อการแข่งขัน เนื่องจากปัจจุบันกฎของอย.ทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถพัฒนาการส่งออกได้ จึงทำให้ส่งออกล้าช้าออกไป ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีรับปากว่าจะปรับปรุงระบบให้มีความรวดเร็วมากขึ้น แต่อยากให้ผู้ประกอบการยังคงยึดมั่นและรักษามาตรฐานในการผลิตต่อไป

อีกทั้งภาคเอกชนมีการเสนอให้รัฐบาลช่วยแก้ปัญหาในหลายเรื่อง เช่น การพัฒนาท่าเรือของไทย ให้เกิดความรวดเร็วในการขนถ่ายสินค้า สามารถแข่งขันกับประเทศคู่แข่งได้ เนื่องจากหากรอโครงการ 2 ล้านล้านบาทอาจจะล่าช้าเกินไป รวมถึงการช่วยดูแลปัญหาที่ภาคเอกชนต้องพบกับมาตรการต่อต้านการทุ่มตลาด เช่น การเข้าช่วยเหลือด้านการสู้คดี โดยนายกรัฐมนตรีได้รับข้อเสนอของภาคเอกชนไปพิจารณา

นอกจากนี้ที่ประชุมได้ตั้งคณะทำงานร่วมรัฐและเอกชนขึ้นมา 2 ชุด ได้แก่ คณะกรรมการที่ดูแลเรื่องกฎระเบียบ ห่วงโซ่อุปสงค์อุปทาน โดยมอบให้นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.เกษตรและสหกรณ์ และนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการสภาการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นประธาน รวมถึงคณะทำงานที่จะดูแลการพัฒนาด้านการเจรจาการค้าที่จะเน้นอุตสาหกรรมอาหาร โดยมอบให้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายนิวัฒน์ธำรงค์ บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน ทั้งนี้จะมีการประชุมอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง อีกทั้งนายกรัฐมนตรีย้ำว่า รัฐบาลจะให้การดูแลผู้ประกอบการทุกประเภทและจะมีการนัดหารือกันอย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้ง