posttoday

บิ๊กสหพัฒน์หวั่นจีนทุบส่งออก

27 มิถุนายน 2556

"เสี่ยบุณยสิทธิ์" ชี้ไทยอ่วมผจญเศรษฐกิจโลกผันผวน จีนทรุดกระทบส่งออกไทย ให้คะแนนรัฐบาลยิ่งลักษณ์บริหารประเทศติดลบ

"เสี่ยบุณยสิทธิ์"  ชี้ไทยอ่วมผจญเศรษฐกิจโลกผันผวน จีนทรุดกระทบส่งออกไทย ให้คะแนนรัฐบาลยิ่งลักษณ์บริหารประเทศติดลบ

นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ เปิดเผยว่า สภาพเศรษฐกิจของประเทศไทยขณะนี้ผจญกับเศรษฐกิจโลกผันผวนหนัก ทั้งจากเศรษฐกิจจากอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น ที่ชะลอตัวลงก่อนหน้านี้ และล่าสุดภาวะเศรษฐกิจจีนกำลังประสบปัญหาการชะลอตัวลง และหากกระทบถึงภูมิภาคอาเซียนเป็นลูกโซ่ เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน  

อย่างไรก็ตาม ภาคการส่งออกของไทย จะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลง เพราะไทยส่งออกไปจีนสูง โดยเฉพาะข้าว  และประเมินว่าปีนี้จีดีพีเติบโต 2-3% เท่านั้น เนื่องจากอำนาจการซื้อของผู้บริโภคลดลง และนโยบายทางการเงินของภาครัฐ ที่ปล่อยให้เกิดภาวะเงินบาทแข็งค่า

ทั้งนี้เศรษฐกิจจีนจะกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมไทย ขณะที่ภาคบริการจะเป็นกลุ่มเดียวที่ไม่ได้รับผลกระทบ  ซึ่งไทยต้องหันมาพึ่งพาตัวเอง หรือหลักยึดเศรษฐกิจพอเพียง รณรงค์ให้คนไทยประหยัด และที่สำคัญภาคการผลิตหรืออุตสาหกรรมต้องทำอย่างไรที่จะผลิตเพื่อส่งออกให้ได้ 

“ที่ผ่านมาคนมองว่าเศรษฐกิจเอเชียจะดี แต่หลังจากเศรษฐกิจจีนชะลอตัว ทำให้ไทยต้องหันมาพึ่งพาตัวเอง และหากการส่งออกไปอเมริกาและยุโรปยังไม่ดีขึ้น อำนาจการซื้อของผู้บริโภคมีแนวโน้มว่าลดลง รัฐบาลไทยในเวลานี้การบริหารเศรษฐกิจของประเทศต้องใส่เกียร์ต่ำ เพื่อความระมัดระวังไม่ตกหลุมตัวเอง เพราะเศรษฐกิจดีจะเข็นไม่ขึ้น” นายบุณยสิทธิ์ กล่าว

สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจของจีนไม่ได้เลวร้ายเหมือนยุโรป เพราะเป็นเพียงระยะเริ่มต้นเท่านั้น และจีนก็มีมาตรการควบคุมที่ดีในการบริหารเศรษฐกิจประเทศ โดยมีการแตะเบรกตลอดเวลา ขณะที่ค่าเงินบาทยังเป็นเรื่องที่น่าจะเป็นห่วงที่สุดในเวลานี้ ในมุมมองของพ่อค้า เพราะภาวะการแข็งค่าของเงินบาท  กระทบต่อภาคส่งออก ทำให้รากหญ้ามีรายได้น้อย 

“เครือสหพัฒน์ได้ชี้รัฐบาล ให้ความสำคัญมาตรการค่าเงินบาทมาหลายสมัย แต่ขณะนี้อัตราแลกเปลี่ยนที่ 31 บาทต่อเหรียญดอลล่าห์ยังแข็งเกินไป รัฐต้องมีมาตรการสกัดเงินลงทุนไหลเข้าประเทศ อีกทั้งยังห่วงกำลังซื้อช่วงครึ่งปีหลัง อาจจะปรับตัวลดลงในกลุ่มรากหญ้า หลังรัฐจะปรับลดราคาจำนำข้าว1.5 หมื่นบาทต่อตัน เหลือ1.2 หมื่นบาทต่อตัน”นายบุณยสิทธิ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม การบริหารประเทศของรัฐบาล”ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ในช่วง 2ปีที่ผ่านมาให้คะแนนติดลบ ส่วนการปรับครม.โดยมีชื่อนายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อยู่ในโผทีมเศรษฐกิจ ถือว่าดี เพราะมีภาพลักษณ์ของการพ่อค้าน่าจะมีความเข้าใจเศรษฐกิจของประเทศ

นายบุณยสิทธิ์ กล่าวว่า เครือสหพัฒน์ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจจีนชะลอตัว เพราะส่งออกน้อยมากกว่านำเข้าสินค้าจากจีน โดยกลุ่มธุรกิจอาหารของบริษัทยังดีอยู่ แต่กลุ่มเสื้อผ้าทรงตัว สำหรับปีนี้บริษัทกำลังอยู่ระหว่างเจรจานักลงทุนญี่ปุ่น 3-4 รายเท่านั้น เพราะนโยบายเครือสหพัฒน์ใส่เกียร์ต่ำ ซึ่งหากเศรษฐกิจดีก็พร้อมส่งเกียร์ 2, 3 หรือ4 ลุย

ขณะที่ภายในงานสหกรุ๊ปแฟร์ระหว่างวันที่ 27-30 มิย.นี้ เครือสหพัฒน์ได้ร่วมทุนบริษัทไทเกอร์ กรุ๊ป เวเคชั่น เปิดธุรกิจท่องเที่ยว และตั้งเป้าเงินสะพัดภายในงานกว่า 100 ล้านบาท ส่วนการลงทุนสร้างสวนนิคมอุตสาหกรรม และโรงไฟฟ้าชีวมวลในพม่า ยังอยู่ในแผนลงทุน โดยสหโคเจนกำลังอยู่ระหว่างเจรจา เพราะพม่าเป็นประเทศที่มีศักยภาพมากสุดในอาเซียน

นอกจากนี้ได้ตั้งทีมผู้บริหารบริษัท สหพัฒนาอินเตอร์ โฮลดิ้ง หรือเอสพีไอ โดยดึงอดีตอธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก จันทรา  บูรณฤกษ์ มาดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ แทนที่ สันติ วิลาสศักดานนท์ ที่เกษียณตัวเองออกไป เพื่อเข้ามาทำตลาดอาเซียนในเชิงรุกซึ่งเป็นยุทธศาสตร์หลักของเครือสหพัฒน์ รองรับกับเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ปี58