เล็งยื่นศาลปกครองชี้ขาดราคาปาล์มต่ำกว่าทุน

ผู้ประกอบการปาล์มน้ำมัน เตรียมยื่นฟ้องศาลปกครอง ร้องพาณิชย์ไม่ดูแลสินค้าควบคุม หลังราคาขายต่ำกว่าต้นทุน

นายโอภาส หนูชิต  ประธานสหกรณ์ปาล์มน้ำมันจังหวัดพัทลุง จำกัด (สงขลา นครศรีธรรมราช พัทลุง) และกรรมการสมาคมปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย  เปิดเผยว่า ตั้งแต่ได้ยื่นหนังสือถึงรัฐบาลเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม 2556  โดยมีหลักการ จำนวน 5 ข้อที่ผ่านมา  โดยขอรัฐบาลให้ทำการค้ำประกันราคาอยู่ที่ 5 บาท แต่จนถึงขณะนี้กว่า 1 เดือน ราคาก็ยังไม่ขยับขึ้น โดยราคาขณะนี้อยู่ที่ 2.80 บาท พื้นที่พัทลุง ขณะที่ต้นทุนการผลิตอยู่ที่ประมาณ 3.80 บาท เนื่องจากพัทลุงจะมีค่าต้นทุนสูงกว่าจังหวัดอื่น ๆ ในภาคใต้ เพราะมีค่าบริหารจัดการ การยกร่องคูน้ำปลูกปาล์ม เป็นต้น ส่วนภาพรวมราคาปาล์มที่ศูนย์จังหวัดกระบี่ 3.50 บาท/กก.

“ปาล์มตอนนี้เกษตรกรในพื้นต่างประสบภาวะขาดทุนมาตลอดทั้งปี 2556  ขณะนี้โดยพัทลุง ที่สามารถเก็บเกี่ยวได้แล้วจำนวน 30,000 ไร่  ยังไม่สามารถเก็บเกี่ยวได้อีกจำนวนมาก   แต่ก็ยังขยายการปลูกอย่างต่อเนื่องเพราะพื้นที่ที่มีอยู่เหมาะสมกับการปลูกปาล์ม  ไม่สามารถปลูกพืชผลไม้อื่น ๆ ได้ แม้ว่าราคาจะตกต่ำก็ตาม”

นายโอภาส ยังกล่าวต่ออีกว่า จากราคาที่ตกต่ำ ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงกว่าราคาขาย เป็นเหตุให้ทางชาวสวนปาล์มทำหนังสือยื่นถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม 2556 นี้ จำนวน 2 หน้ากระดาษ โดยข้อความให้กระทรวงพาณิชย์  ลงมาดูแลราคาต้นทุนการผลิต  เพราะขณะนี้ราคาขายต่ำกว่าต้นทุนการผลิต ซึ่งเป็นการผิดกฎหมายและประกาศของกระทรวงพาณิชย์เดือนมกราคม 2556 ที่ถูกประกาศให้เป็นสินค้าควบคุม โดยมีคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ( กกร.) มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน เป็นผู้ควบคุมดูแล

“ซึ่ง กกร.จะต้องมาดูแล ว่าเพราะเหตุใดปาล์มมีต้นทุนการผลิตที่สูงกว่าราคาขาย รัฐบาลจะต้องลงมาควบคุมต้นทุนการการผลิต และดูแลราคาขายให้เป็นไปตามกฎหมาย และประกาศกระทรวงพาณิชย์ หากรัฐบาลไม่ปฏิบัติตาม ไม่ดำเนินการ   ถือว่าจะเข้าข้อกฎหมายละเว้น  ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ทันที  โดยได้ยื่นไปแล้ว และหาก 90 วัน รัฐบาลไม่เข้ามาดำเนินการ จะยื่นฟ้องสู่ศาลปกครองทันที การขอความช่วยเหลือสนับสนุนจากรัฐบาล ต่อไปจะต้องใช้มาตรการทางกฎหมาย พึ่งพาอำนาจศาลแล้ว”

ส่วนการยกร่อง พรบ.ปาล์ม  ก็ยังไม่มีความก้าวหน้า แม้ว่ารัฐบาลได้อนุมติผ่านงบประมาณจำนวน 3 ล้านบาทแล้วก็ตาม แต่ยังไม่ได้เงินงบประมาณมาดำเนินการยกร่างแต่อย่างใด