อีซี่ส์เล็งปรับโฉมแฟรนไชส์

เพิ่มเมนูขยายสาขาลดอีซี่ส์สปอต ดันยอด200ล้านปีนี้ตั้งท่าบุกอาเซียน

อีซี่ส์ฯ เล็งยกเครื่องแฟรนไชส์ในเครือรอท่าบุกอาเซียน พร้อมขยายสาขาไทยต่อเนื่อง คาดปีนี้แตะ 200 ล้านบาท

นางพัชราวดี หมื่นนิกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแฟรนไชส์ บริษัท อีซี่ส์ อินเตอร์เนชั่นแนล แฟรนไชส์ ผู้บริหารธุรกิจแฟรนไชส์ อีซี่ส์ คิทเช่น และมอร์เก้น เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนปรับปรุงแฟรนไชส์ทุกแบรนด์ในเครือในปีนี้ โดยจะเน้นการเพิ่มเมนูสินค้าให้หลากหลาย เน้นเมนูที่ขายได้เร็วและตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น เช่น เมนูฟิวชั่นที่ผสมผสานอาหารหลายชนิด

นอกจากนี้ ยังเดินหน้าปรับลดสาขาแบรนด์อีซี่ส์ สปอต ที่จำหน่ายไส้กรอกย่างในย่านชุมชนต่างๆ จากเดิมมีกว่า 100 สาขา ปัจจุบันลดลงเหลือ 23 สาขา เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มสูงขึ้น โดยจะพัฒนาเป็นรูปแบบร้านใหม่ ทั้งการปรับเป็นอีซี่ส์ คิทเช่น และมอร์เก้น ขึ้นอยู่กับทำเลและขนาดร้านค้าแต่ละสาขา

ขณะเดียวกันจะเดินหน้าขยายสาขาอีซี่ส์ คิทเช่น และมอร์เก้น อย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันมีร้านอีซี่ส์ คิทเช่น 50 สาขา จะเปิดเพิ่มเป็น 70 สาขา และร้านมอร์เก้น บาย อีซี่ส์ ปัจจุบัน 8 สาขา จะเพิ่มอีก 35 สาขา รวมทั้งพิจารณาปรับปรุงร้านมอร์เก้น บาย อีซี่ส์ ใหม่ ด้วยการเพิ่มขนาดร้านให้ใหญ่ขึ้น จากเดิม 50 ตร.ม. จะเพิ่มเป็น 80-120 ตร.ม.

“ที่ผ่านมาร้านมอร์เก้น บาย อีซี่ส์ มีลูกค้าเข้าใช้บริการมากจนที่นั่งไม่พอเรามองว่าเสียโอกาสในการขาย จึงจะขยายร้านให้ใหญ่ขึ้น” นางพัชราวดี กล่าว

อย่างไรก็ตาม แนวทางขยายสาขาของร้านทั้งสองแบรนด์ จะยังคงเน้นการขยายในรูปแบบแฟรนไชส์เป็นหลัก โดยปัจจุบันบริษัทมีรายได้จากการขายแฟรนไชส์รวม 150 ล้านบาท และปีนี้คาดว่าจะเพิ่มเป็น 200 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้ 50% มาจากอีซี่ส์ คิทเช่น ที่เหลือมาจากมอร์เก้น 30-40% และอีซี่ส์ สปอต 10-15%

ขณะเดียวกัน บริษัทยังมองเห็นโอกาสจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ในปี 2558 ด้วย โดยจะมองหาผู้สนใจซื้อแฟรนไชส์เพื่อขยายสาขาในอาเซียน เริ่มจากประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ เมียนมาร์ กัมพูชาและลาว ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาหลายรายและมีผู้สนใจติดต่อเข้ามาจำนวนมาก ซึ่งปัจจุบันในประเทศดังกล่าวมีฟาสต์ฟู้ดอินเตอร์แบรนด์เข้าไปเปิดสาขาแล้ว

นางพัชราวดี กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทได้ร่วมออกโรดโชว์กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ แต่การเปิดแฟรนไชส์ในต่างประเทศต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ทั้งด้านกลุ่มลูกค้า ทำเล และวัตถุดิบที่จะใช้ในการผลิต เนื่องจากบางประเทศยังมีเงื่อนไขในการนำเข้าวัตถุดิบกลุ่มเนื้อสัตว์ และบางประเทศยังขาดความเข้าใจในธุรกิจแฟรนไชส์ ทำให้ต้องใช้เวลาพอสมควร อย่างไรก็ตามคาดว่าจะสามารถเปิดที่กัมพูชาได้เป็นแห่งแรกประมาณปี 2557 นี้จากต้นปี 2556 ที่ผ่านมา อีซี่ส์ฯ มีการเติบโตเพิ่มขึ้น 2030% เมื่อเทียบจากปีที่ผ่านมาที่มีการชะลอตัวลงเล็กน้อย ซึ่งอาจเป็นผลมาจากสภาพเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ตามทางอีซี่ส์ฯ ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจและพัฒนาธุรกิจภายใต้จุดประสงค์หลักของบริษัทฯคือคือตอบสนองความต้องการของนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรงที่มีใจรักในธุรกิจอาหาร และมีเวลาบริหารงานด้วยตนเอง”

ด้านการขยายสาขา ปัจจุบันอีซี่ส์ฯ มีอัตราขยายสาขาอย่างต่อเนื่องทั้งในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด โดยอีซี่ส์คิทเช่น ลงทุนเริ่มต้น 8 หมื่นบาท มี 50 สาขา มอร์เก้นบายอีซี่ส์ ลงทุนเริ่มต้น 2.5 ล้านบาท มี 9 สาขา คาดว่าจะเปิดสาขาอีซี่ส์คิทเช่นรวมเป็น 70 สาขาและมอร์เก้นบายอีซี่ส์ เพิ่มอีก 6 สาขา ภายในปี 56 นี้ สำหรับรูปแบบการลงทุนมีทั้งระบบแฟรนไชส์ และบริษัทแม่ลงทุนเอง ทั้งนี้คุณพัชราวดี กล่าวถึงนโนบายส่วนที่บริษัทแม่ลงทุนเองว่า “เป็นรูปแบบที่บริษัทแม่จะทำการเปิดร้านสาขาในพื้นที่ที่ศักยภาพและดำเนินการไประยะหนึ่งก่อน เมื่อสามารถพิสูจน์ทำเลและยอดขายได้แล้วก็จะขายร้านสาขาดังกล่าวให้กับผู้ที่สนใจหรือผู้ที่จะเข้ามาเป็นแฟรนไชซี ลงทุนต่อจากบริษัทฯ หรือที่เรียกว่า ระบบเทิร์นคีย์ จุดนี้จะทำให้ผู้ลงทุนเกิดการตัดสินใจเร็วขึ้นและมั่นใจต่อธุรกิจเพราะสามารถเห็นยอดขายของสาขาพิสูจน์ความสำเร็จมาแล้ว

โดยล่าสุดบริษัทฯ ได้ประกาศขายร้านมอร์เก้นสาขาโลตัส ศาลายา สาขาของบริษัทแม่และเป็นสาขาที่มีอัตรายอดขายสูงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเป็นสาขาที่มียอดขายและกำไรสูงสุดในแต่ละเดือนติด อันดับหนึ่งในสามของจำนวนสาขาที่มีอยู่ในปัจจุบัน