posttoday

พลังงานยันไม่คิดเลิกจดทะเบียนรถติดก๊าซ

09 พฤษภาคม 2556

กระทรวงพลังงานยันไม่มีแนวคิด ยกเลิกจดทะเบียนรถติดก๊าซแอลพีจี

กระทรวงพลังงานยันไม่มีแนวคิด ยกเลิกจดทะเบียนรถติดก๊าซแอลพีจี

นายสุรศักดิ์ นิตติวัฒน์ นายกสมาคมธุรกิจก๊าซรถยนต์ไทย เปิดเผยภายหลังการเข้ายื่นหนังสือต่อนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน เพื่อคัดค้านแนวคิดการไม่รับจดทะเบียนรถยนต์ที่ใช้ระบบก๊าซแอลพีจีว่า กระทรวงพลังงานยืนยันว่าไม่มีแนวคิดยกเลิกการจดทะเบียนรถยนต์ที่ใช้ก๊าซแอลพีจี

ทั้งนี้ หน้าที่ของกระทรวงจะดูแลเรื่องราคาเท่านั้น โดยกระทรวงต้องการให้ราคาก๊าซแอลพีจีสะท้อนความเป็นจริงในตลาดโลก ไม่ให้มีการอุดหนุนจากภาครัฐ ซึ่งสมาคมก็เห็นด้วยในเรื่องดังกล่าว

ขณะเดียวกัน กระทรวงพลังงานได้กำชับเรื่องการดูแลความปลอดภัยของรถยนต์ที่ติดตั้งก๊าซแอลพีจี และการตรวจสอบให้มีประจำทุกปีหรือในทุก 2 ปี จากปัจจุบันรถยนต์ที่ติดตั้งก๊าซแอลพีจีแล้วไม่มีการตรวจสอบแต่อย่างใด โดยหน้าที่ตรวจสอบเป็นของกรมการขนส่งทางบก

ปัจจุบันพบว่า มีอู่ติดตั้งก๊าซแอลพีจีเถื่อน ที่ไม่มีใบอนุญาตจำนวนหลายร้อยแห่ง และได้รับความนิยมจากประชาชนเข้าไปติดตั้ง เพราะมีราคาประมาณ 1 หมื่นบาท ถูกกว่า 50% เมื่อเทียบกับศูนย์ติดตั้งแอลพีจีที่ได้รับการจดทะเบียนอย่างถูกต้อง จำนวน 500 แห่งทั่วประเทศ มีราคาติดตั้ง 2-3 หมื่นบาท

ทั้งนี้ สมาคมจะประสานงานกับกระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงคมนาคม ถึงแนวทางการเข้าไปตรวจสอบรถยนต์ที่ใช้ระบบก๊าซแอลพีจีอย่างสม่ำเสมอ ทั้งอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน ถังบรรจุก๊าซ เป็นต้น และเข้าไปตรวจสอบอู่ติดตั้งก๊าซแอลพีจีที่ไม่ได้รับใบอนุญาต เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน

ช่วงที่ผ่านมา ปัญหารถยนต์ที่ใช้ระบบก๊าซแอลพีจีเกิดไฟไหม้หรือเกิดเหตุระเบิดนั้น เป็นผลมาจากการติดตั้งจากอู่ที่ไม่ได้รับใบอนุญาต และทุกครั้งที่เกิดข่าวดังกล่าว ทำให้ยอดลูกค้าเข้ามาติดตั้งก๊าซแอลพีจีในรถยนต์ลดลง 15-20% แต่เมื่อเหตุการณ์ผ่านไป ความเชื่อมั่นของลูกค้าก็กลับมาสู่ระดับปกติ

ก่อนหน้านี้สมาคมได้เข้าไปยื่นหนังสือต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ปลัดกระทรวงคมนาคม รองปลัดกระทรวงพลังงาน และอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เพื่อคัดค้านแนวคิดที่จะยกเลิกการรับจดทะเบียนรถยนต์ที่ใช้ระบบก๊าซแอลพีจี

ปัจจุบันจำนวนรถยนต์ในประเทศที่ใช้ระบบก๊าซมีจำนวน 1.2 ล้านคัน แบ่งเป็นรถยนต์ติดตั้งก๊าซแอลพีจี 1 ล้านคัน และติดตั้งก๊าซเอ็นจีวี 2 แสนคัน โดยพบว่า ความต้องการติดตั้งก๊าซแอลพีจีของประชาชนจะเพิ่มมากขึ้น หากราคาน้ำมันในประเทศสูงขึ้น