posttoday

ซีพีซื้อแมคโครยังไม่เข้าข่ายมีอำนาจเหนือตลาด

24 เมษายน 2556

อธิบดีกรมการค้าภายใน ระบุ ซีพีออลล์ควบรวมกิจการกับแม็คโคร ไม่เข้าข่ายผู้มีอำนาจเหนือตลาด

อธิบดีกรมการค้าภายใน ระบุ ซีพีออลล์ควบรวมกิจการกับแม็คโคร ไม่เข้าข่ายผู้มีอำนาจเหนือตลาด

น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวถึงกรณีที่บริษัท ซีพีออลล์ เข้าซื้อกิจการสยามแม็คโคร ว่า อยากให้มองในแง่ดีว่าเป็นครั้งแรกที่บริษัทของคนไทยเข้าซื้อกิจการค้าส่งรายใหญ่ของต่างชาติได้สำเร็จ ซึ่งปัจจุบันถึงแม้ว่าหลักเกณฑ์การดูแลการควบรวมกิจการยังอยู่ระหว่างจัดทำ แต่ก็ยืนยันว่า ตามกฎหมายแข่งขันทางการค้าที่มีอยู่ในปัจจุบันก็เพียงพอที่จะกำกับดูแลไม่ให้ซีพีออลล์มีพฤติกรรมทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม จนเอาเปรียบผู้ค้ารายอื่นหรือผูกขาด

ทั้งนี้ การเป็นผู้มีอำนาจเหนือตลาดไม่ใช่ความผิดตามกฎหมาย แต่ต้องดูที่พฤติกรรม โดยทางซีพีออลล์ก็เป็นผู้มีประสบการณ์ในตลาดค้าปลีกที่เข้าใจกฎหมายการแข่งขันทางการค้าเป็นอย่างดี ดังนั้น เชื่อว่าการควบรวมกิจการครั้งนี้จะทำให้เกิดการแข่งขันในธุรกิจค้าส่ง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจค้าปลีก นั่นหมายถึงโชห่วยหรือร้านค้ารายย่อยก็จะได้รับประโยชน์เช่นกัน

ส่วนความคืบหน้าในการออกหลักเกณฑ์กำกับดูแลการควบรวมกิจการนั้น ล่าสุดอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะอนุกรรมการ โดยหลังจากนี้ก็จะต้องเสนอให้คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า หรือบอร์ดชุดใหญ่ เป็นผู้พิจารณาเห็นชอบและประกาศใช้ต่อไป

ทั้งนี้ ตามเกณฑ์ผู้มีอำนาจเหนือตลาด หากผู้ประกอบการมีส่วนแบ่งตลาด (มาร์เก็ตแชร์) มากกว่า 50% ของตลาดรวม และมียอดขายเกิน 1,000 ล้านบาท หรือผู้ประกอบการในธุรกิจนั้นรวมกัน 3 ราย มีมาร์เก็ตแชร์เกิน 75% ของตลาดรวม ให้ถือว่าเป็นผู้มีอำนาจเหนือตลาด โดยธุรกิจค้าปลีกค้าส่งในขณะนี้มีผู้ประกอบการรายใหญ่ในธุรกิจเหลือเพียง 4 ราย คือ เทสโก้ โลตัส, บิ๊กซี, เซเว่น อีเลฟเว่น และสยามแม็คโคร ซึ่งหากมีการรวมกันก็จะเหลือเพียง 3 รายใหญ่ ก็จะเข้าข่ายเป็นผู้มีอำนาจเหนือตลาด เพราะมาร์เก็ตแชร์เกิน 75%

สำหรับยอดขายปีที่ผ่านมาของเซเว่น อีเลฟเว่น มีมากที่สุด โดยมีมูลค่า 159,000 ล้านบาท รองลงมา คือ เทสโก้ โลตัส มูลค่า 148,000 ล้านบาท บิ๊กซี 121,000 ล้านบาท และแม็คโคร มียอดขาย 98,623 ล้านบาท เมื่อเซเว่น อีเลฟเว่น รวมกับแม็คโคร จะมีมาร์เก็ตแชร์เพียง 48.92% ซึ่งไม่เกิน 50% แต่หากนำแชร์ 3 รายมารวมกันก็จะเกิน 75% ซึ่งน่าจะทำให้บริษัทค้าส่งค้าปลีกทั้ง 3 ราย เข้าข่ายเป็นผู้มีอำนาจเหนือตลาด ซึ่งหากมีพฤติกรรมการค้าใดที่ไม่เป็นธรรมและทำผิดกฎหมาย ก็จะมีโทษทั้งจำคุกและปรับ