posttoday

ฟาสต์ฟู้ดแข่งดุเมนูประหยัด

26 มีนาคม 2556

เชสเตอร์ ชี้ฟาสต์ฟู้ดแข่งดุ อัดโปรโมชันราคาประหยัดแก้เกมรถคันแรกฉุดกำลังซื้อหด เร่งปั้นชื่อเชสเตอร์

เชสเตอร์ ชี้ฟาสต์ฟู้ดแข่งดุ อัดโปรโมชันราคาประหยัดแก้เกมรถคันแรกฉุดกำลังซื้อหด เร่งปั้นชื่อเชสเตอร์

นายสุวัฒน์ ทรงพัฒนะโยธิน รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เชสเตอร์ฟู้ด ผู้บริหารร้านเชสเตอร์ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอาหารจานด่วน (ฟาสต์ฟู้ด) ในปีนี้ยังคงมีการแข่งขันที่รุนแรง โดยเฉพาะเมนูราคาประหยัด เพราะจากนโยบายรถคันแรกส่งผลให้ผู้บริโภคหันมาประหยัดลดการใช้จ่ายซื้ออาหารราคาแพงลดลง ส่งผลให้ผู้ประกอบการร้านอาหารต้องออกมาทำโปรโมชันเมนูอาหารราคาพิเศษมากขึ้นเพื่อจูงใจลูกค้า

อย่างไรก็ตาม จากจำนวนสาขาของร้านอาหารจานด่วนที่มีการขยายสาขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงคาดการณ์ว่าปีนี้ภาพรวมตลาดอาหารจานด่วนจะยังเติบโตที่ 15-20% ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ซึ่งมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นตลาดไก่ 50% ตลาดพิซซ่า 30% และตลาดเบอร์เกอร์ 20%

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทนั้น เมื่อต้นปีที่ผ่านมาได้ทยอยเปลี่ยนชื่อร้านจากเชสเตอร์กริลล์มาเป็นร้านเชสเตอร์ เนื่องจากต้องการสื่อถึงเมนูอาหารที่มีความหลากหลายไม่ใช่แค่เมนูไก่ย่างอย่างเดียว โดยคาดว่าภายใน 2 ปีนับจากนี้จะทยอยเปลี่ยนชื่อเป็นร้านเชสเตอร์ได้ทั้งหมด จากปัจจุบันมีจำนวน 176 สาขา

ปัจจุบันภายในร้านเชสเตอร์มีเมนูอาหารมากกว่า 28 เมนู ซึ่งเมนูที่สร้างยอดขายให้มากที่สุดยังคงเป็นเมนูข้าว 40% ตามด้วยเมนูไก่ 10% ที่เหลือ 50% เป็นเมนูเส้น อาหารว่าง เครื่องดื่ม และของหวาน โดยปีนี้มีจะเพิ่มเมนูใหม่ในส่วนของหมู ไก่ กุ้ง ปลา อีกไม่ต่ำกว่า 6 เมนู

ทั้งนี้ แผนการขยายสาขาใหม่ในปีนี้ บริษัทจะเปิดสาขาเพิ่มอีกประมาณ 15-20 สาขา รวมทั้งปรับปรุงสาขาเก่าอีก 10 สาขา คาดใช้งบลงทุนรวม 150 ล้านบาท ซึ่งทำเลหลักที่บริษัทจะให้ความสำคัญนับจากนี้ คือ ปั๊มน้ำมัน ปตท. ที่มีแผนที่จะขยายสาขาปั๊มเป็นจำนวนมาก บริษัทจึงเห็นโอกาสขยายสาขาควบคู่ไปด้วย โดยภายใน 5 ปีนับจากนี้คาดว่าจะมีสาขาร้านเชสเตอร์ในปั๊ม ปตท.อีกไม่ต่ำกว่า 50 สาขา จากปัจจุบัน 40 สาขา

“ปกติทุกปีบริษัทจะเปิดร้านเชสเตอร์ในปั๊มประมาณ 5-6 สาขา แต่เมื่อ ปตท.มีการขยายปั๊มเพิ่มขึ้น บริษัทจึงต้องเร่งขยายสาขาเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เพราะการลงทุนในปั๊มทำให้ขยายสาขาได้เร็ว ขณะที่งบลงทุนต่ำกว่าสาขาปกติ หรือลงทุนเฉลี่ยสาขาละประมาณ 4 ล้านบาท ขนาดพื้นที่ 120 ตร.ม. ขณะที่สาขาปกติจะลงทุนที่ 5-6 ล้านบาท บนพื้นที่ขนาด 150 ตร.ม.” นายสุวัฒน์ กล่าว

ขณะที่ทำเลในส่วนของห้างค้าปลีกอย่างคอมมูนิตีมอลล์ ก็เป็นอีกหนึ่งทำเลที่บริษัทให้ความสนใจ เพราะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งหลังจากบริษัทออกมาเปิดร้านใหม่และทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจนถึงสิ้นปีนี้จะมีรายได้รวม 1,900 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1,600 ล้านบาท