posttoday

บอร์ดรฟท.อนุมัติรถไฟรางคู่5เส้นทาง

25 มีนาคม 2556

บอร์ดร.ฟ.ท.อนุมัติโครงการรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง หลังจากล่าช้ามากว่า 2 ปี พร้อมเร่งเสนอครม.

บอร์ดร.ฟ.ท.อนุมัติโครงการรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง หลังจากล่าช้ามากว่า 2 ปี พร้อมเร่งเสนอครม.

นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานกรรมการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการ ร.ฟ.ท.ได้มีมติอนุมัติให้ดำเนินโครงการรถไฟทางคู่ระยะเร่งด่วนพร้อมกัน 5 เส้นทาง คือ

1.สายมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 132 กิโลเมตร 2.สายนครปฐม-หนองปลาดุก-หัวหิน ระยะทาง 165 กิโลเมตร 3.สายลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 118 กิโลเมตร 4.สายนครราชสีมา-ขอนแก่น ระยะทาง 185 กิโลเมตร และ 5.สายประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167 กิโลเมตร รวมระยะทาง 767 กิโลเมตร เพื่อให้ทุกโครงการสามารถดำเนินการได้พร้อมกันทั้งหมด ภายหลังล่าช้ากว่ากำหนดแล้วประมาณ 2 ปี

ทั้งนี้ การกำหนดให้เป็นโครงการเร่งด่วนเพื่อให้สามารถดำเนินงานตามขั้นตอนควบคู่ไปกับการพิจารณารายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมได้ และให้สามารถประกวดราคาโครงการที่ผ่านอีไอเอได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องรอให้พิจารณาครบทุกเส้นทางก่อน โดยขั้นตอนหลังจากนี้ ร.ฟ.ท.จะต้องพิจารณารายละเอียดด้านต่างๆรวมถึงประเด็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องก่อนนำเสนอกระทรวงคมนาคม เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของครม.ต่อไป

นางสร้อยทิพย์ กล่าวอีกว่า หาก ครม.อนุมัติให้ดำเนินการได้ ร.ฟ.ท.ก็จะพิจารณารายละเอียดโครงการควบคู่ไปกับการทำอีไอเอต่อไป ซึ่งจะช่วยให้การดำเนินโครงการรวดเร็วมากขึ้น แต่ยังไม่สามารถกำหนดระยะเวลาที่แน่นอนได้ว่าจะสามารถเปิดประกวดราคาได้เมื่อไหร่ เพราะต้องรอขั้นตอนอีไอเอให้ผ่านก่อน

สำหรับงบประมาณในการก่อสร้างรถไฟทางคู่ดังกล่าว จะเป็นส่วนหนึ่งของพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท จากเดิมที่เป็นงบพัฒนาโครงการสร้างพื้นฐานที่ ครม.เคยอนุมัติให้ ร.ฟ.ท. ดำเนินการรวม 1.76 แสนล้านบาท โดยยืนยันว่าในอดีตสามารถดำเนินโครงการควบคู่กับอีไอเอได้ แต่ต่อมาได้มีการเสนอ ครม.ให้ต้องผ่านอีไอเอก่อน ดังนั้นหากจะดำเนินโครงการเร่งด่วนจึงต้องเสนอ ครม.ให้พิจารณาอนุมัติก่อน

ส่วนความคืบหน้าการประกวดราคาสัญญา 3 งานระบบรถไฟฟ้าและเครื่องกล รวมตู้รถไฟฟ้า ช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน มูลค่า 28,899 ล้านบาท รถไฟชานเมืองสายสีแดงนั้น ยังไม่ได้นำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการ จากเดิมที่คาดว่าจะนำเข้าสู่การพิจารณาได้ เนื่องจากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น(ไจก้า) ในฐานะเจ้าของเงินกู้ มีข้อสงสัยเกี่ยวกับรายละเอียดโครงการอีกเล็กน้อย จึงต้องชี้แจงให้ไจก้ารับทราบก่อน