posttoday

ศึกสาหร่าย3พันล้านดุ

06 มีนาคม 2556

สิงห์ควัก 300 ล้าน ผุดโรงงานสาหร่ายผลิตเท่าตัว อัด 120 ล้าน ชิงแชร์ปีนี้เท่าตัว 35%

สิงห์ควัก 300 ล้าน ผุดโรงงานสาหร่ายผลิตเท่าตัว อัด 120 ล้าน ชิงแชร์ปีนี้เท่าตัว 35%

กลุ่มสิงห์เดินหน้าชิงส่วนแบ่งตลาดสาหร่าย หวังล้มแชมป์ โดยปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งสาหร่าย มาชิตะจาก 15% เป็น 30-35% ขณะที่ผู้นำตลาดอย่างเถ้าแก่น้อยมีส่วนแบ่ง 60% ของตลาดรวมเกือบ 3,000 ล้านบาท รวมทั้งปลายปีนี้โรงงานใหม่จะเสร็จ และทำให้กำลังผลิตเพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปัจจุบันกำลังผลิตเดือนละ 1 แสนกล่อง นั่นหมายความว่ากลุ่มสิงห์จะมีกำลังผลิตที่ขับดันให้ต้องเพิ่มยอดขายมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัวเช่นกัน

นายภูริต ภิรมย์ภักดี ผู้อำนวยการสายการตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์ นันแอลกอฮอล์ บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น ผู้ผลิตจำหน่ายสาหร่ายมาชิตะ เปิดเผยว่า บริษัทลงทุน 300 ล้านบาท สร้างโรงงานผลิตสาหร่าย 1 แห่ง ที่นวนคร จ.ปทุมธานี แล้วเสร็จในปลายปีนี้ เพื่อเพิ่มกำลังผลิตปัจจุบัน 1 แสนกล่องต่อเดือนขึ้นไปอีกเท่าตัว ให้สอดคล้องกับความต้องการตลาดที่มีสูงมาก

สำหรับสภาพตลาดรวมสาหร่ายปีนี้คาดโต 40% หรือเพิ่มเป็น 2,813 ล้านบาท แบ่งเป็น สาหร่ายแบบทอด 70% หรือ 1,980 ล้านบาท แบบอบ 20% หรือ 558 ล้านบาท และย่าง 8% ราว 323 ล้านบาท ซึ่งมาชิตะมีแบบทอดและย่าง ในเร็วๆ นี้จะออกในรูปแบบอบ สาหร่ายเป็นตลาดที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด และกำลังเป็นที่นิยมในหมู่ผู้บริโภครุ่นใหม่ ขณะเดียวกันการแข่งขันในตลาดสูงขึ้นทุกปี มีคู่แข่งรายใหม่เข้ามาทำตลาด แต่บริษัทมั่นใจว่าการสร้างแบรนด์ที่ชัดเจน การทำตลาดต่อเนื่องจะทำให้แบรนด์มาชิตะแข็งแกร่ง

ขณะที่แผนปีนี้จะใช้งบ 120 ล้านบาท ทำตลาดสาหร่ายทะเลปรุงรสแบรนด์มาชิตะ 2 รสชาติ รสซอสเกาหลีและรสหมึกย่างเกาหลีสามรส เจาะกลุ่มอายุ 18-25 ปี แจกสินค้าตัวอย่างกว่า 2 ล้านชิ้น และนำ คยูฮยอน นักร้องชาวเกาหลี สมาชิกวงซูเปอร์จูเนียร์มาเป็นพรีเซนเตอร์อีกครั้ง เพื่อสื่อสารภาพลักษณ์ความเป็นสาหร่ายเกาหลีแท้ๆ ไปยังผู้บริโภคต่อเนื่อง ส่วนการกระจายสินค้าบริษัทสามารถทำได้ครอบคลุมกว่า 90% ของร้านค้าทั่วประเทศ

นอกจากนี้ บริษัทจะรุกตลาดขนมขบเคี้ยว ด้วยการเข้าไปซื้อโรงงานผลิตขนมขึ้นรูปมูลค่า 250 ล้านบาท เพื่อขยายกลุ่มนันแอลกอฮอล์ใน กลุ่มขนมขบเคี้ยวให้เพิ่มขึ้น

นายภูริต กล่าวว่า แผนทั้งหมดเป็นไปตามนโยบายบริษัท เดินหน้าเพิ่มสัดส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์นันแอลกอฮอล์เพิ่มจาก 12% เป็น 15% ในปีนี้ และตั้งเป้าเพิ่ม 30% ภายใน 5 ปี นับตั้งแต่ปี 2555-2559 โดยจะให้ความสำคัญกับสินค้าในทุกตัว