posttoday

12 ปีที่รอคอย โค้กโค่นเป๊ปซี่วาดเป้า 7 ปี โกย 6 หมื่นล้าน

05 มีนาคม 2556

ตลาดน้ำอัดลมที่เกิดการเปลี่ยนแปลงในช่วง 2 ปีก่อนหน้านี้ หลังจากเสริมสุขแตกหักกับเป๊ปซี่ และสัญญาของทั้งสองฝ่ายจบลงเมื่อเดือน พ.ย. 2555 ส่งผลให้การทำตลาดของเป๊ปซี่และเอสถือว่าเริ่มนับหนึ่งใหม่

ตลาดน้ำอัดลมที่เกิดการเปลี่ยนแปลงในช่วง 2 ปีก่อนหน้านี้ หลังจากเสริมสุขแตกหักกับเป๊ปซี่ และสัญญาของทั้งสองฝ่ายจบลงเมื่อเดือน พ.ย. 2555 ส่งผลให้การทำตลาดของเป๊ปซี่และเอสถือว่าเริ่มนับหนึ่งใหม่

แต่สำหรับมวยรองอย่าง “โค้ก” ที่รื้อระบบจัดจำหน่ายใหม่มาแล้วกว่า 6 ปี จนผลิดอกออกผลให้ยอดขายของโค้ก 2 ปีที่ผ่านมาเติบโตต่อเนื่อง ถือว่าเป็นก้าวเดินที่ถูกจังหวะผสมโอกาส ทำให้โค้กคว้าชัยในตลาดน้ำอัดลม 4.4 หมื่นล้านบาท

แอนโตนิโอ เดล โรซาริโอ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โคคาโคลา เปิดเผยว่า สิ้นปี 2555 โค้กมีส่วนแบ่ง 50% ในตลาดน้ำดำมูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านบาท ถือว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี ที่โค้กเป็นผู้นำตลาดน้ำดำแทนที่เป๊ปซี่ และพร้อมก้าวสู่เป้าหมายปี 2563 ที่ตั้งเป้ารายได้ทั้งในประเทศไทยและโค้กทั่วโลกจะเติบโต 2 เท่าตัวนับจากนี้

ทั้งนี้ โค้กได้รื้อระบบจัดจำหน่ายจากระบบหาบเร่หรือมีรถขนส่งสินค้าไปส่งของให้ลูกค้า โดยไม่ทราบยอดสั่งซื้อ มาเป็นระบบพรีเซล หรือระบบจัดจำหน่ายสินค้าจากยอดการสั่งซื้อ รวมทั้งลงทุนการผลิตและการตลาด ซึ่งเป็นกุญแจแห่งความสำเร็จ ผลักดันให้โค้กมีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นตลอด 2 ปีที่ผ่านมา

เมื่อย้อนไปกว่า 20 ปี โค้กเป็นผู้นำตลาดเป๊ปซี่ กระทั่งการทำตลาดเพลี่ยงพล้ำ ส่งผลให้โค้กสูญเสียตำแหน่งผู้นำตลาดเมื่อปี 2543 จนกระทั่งปี 2555 ที่ผ่านมา โค้กถือเป็นแบรนด์น้ำอัดลมที่มีความแข็งแกร่งที่สุด เป็นผู้นำตลาดทั้งในแง่ตลาดน้ำอัดลมโดยรวม ด้วยส่วนแบ่ง 55.5% จากตลาดมูลค่า 4.4 หมื่นล้านบาท ทิ้งห่างเป๊ปซี่ซึ่งมีส่วนแบ่งกว่า 30%

“ในปีที่ผ่านมาไทยนับว่าเป็นตลาดที่โค้กเติบโต 32% สูงมากที่สุดในรอบ 10 ปี และเร็วที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโคคาโคลา รองจากอินเดีย โดยปัจจุบันไทยรั้งอันดับที่ 19 ของโลกที่สร้างยอดขายให้กับโค้ก และอนาคตจะขึ้นเป็นท็อปเทน” โรซาริโอ กล่าว

ปี 2555 ถือเป็นปีประวัติศาสตร์ของโคคาโคลา โดยผลประกอบการโดยรวมโค้กเติบโต 23% กลุ่มน้ำอัดลม 32% และกลุ่มน้ำผลไม้พร้อมดื่มขึ้นเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่ง 16.5%

พรวุฒิ สารสิน รองประธานกรรมการ บริษัท ไทยน้ำทิพย์ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายโค้ก กล่าวว่า บริษัท ไทยน้ำทิพย์และหาดทิพย์ ได้ปรับระบบการจัดจำหน่ายมาเป็นพรีเซล 6 ปี และช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเน้นพัฒนาระบบโลจิสติกส์ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 50% ลดการสูญเปล่า กระทั่งปัจจุบันโค้กขายสินค้าได้เพิ่มขึ้นจาก 65% เป็น 99% ของเครื่องดื่มบนรถส่งสินค้า

สำหรับแผนการตลาดเพื่อตอกย้ำผู้นำตลาดและสู่เป้าหมายในปี 2563 ได้วาง 3 ยุทธศาสตร์หลัก คือ ลงทุนกำลังผลิต ระบบจัดจำหน่าย ขยายสินค้าด้วยการสร้างขาธุรกิจกลุ่มเครื่องดื่มไม่อัดก๊าซ ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วน 20% อาทิ น้ำผลไม้ น้ำดื่ม อีก 80% เป็นเครื่องดื่มอัดลม

นอกจากนี้ ยังทุ่มงบ 4,000 ล้านบาท จากแผน 3 ปีตั้งงบลงทุนรวม 1.4 หมื่นล้านบาท โดยแบ่งเป็น 2,600 ล้านบาท สำหรับขยายกำลังผลิตไทยน้ำทิพย์ 4 ไลน์ ทั้งกลุ่มน้ำอัดลมและไม่อัดก๊าซ ที่โรงงานรังสิต คาดแล้วเสร็จเดือน มี.ค.ปีนี้ มีกำลังผลิต 1,200 ขวดต่อนาที และที่ จ.สุราษฎร์ธานี ใช้งบ 1,400 ล้านบาท เพิ่มกำลังผลิตน้ำอัดลมขวดเพตเพิ่มขึ้น 3 เท่าตัว หรือ 15 ล้านลังต่อปี ส่งผลให้กำลังผลิตเพิ่มขึ้น 35%

สิ่งที่ท้าทายของโค้ก คือ การเพิ่มความแข็งแกร่งขององค์กรเพื่อต่อยอดธุรกิจ และพร้อมทำทุกอย่างเพื่อรักษาผู้นำตลาดและเพิ่มส่วนแบ่งของโค้ก ขณะที่ตลาดน้ำอัดลมมูลค่า 4.4 หมื่นล้านบาทปีนี้ คาดว่าจะเติบโต 7% โดยโค้กตั้งเป้าเติบโตอย่างน้อย 7% จากปีที่ผ่านมามียอดขายทะลุ 3 หมื่นล้านบาท และปี 2563 จะเพิ่มเป็น 6 หมื่นล้านบาท

ด้าน ปริญญา เพิ่มพานิช ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและปฏิบัติการขาย บริษัท เสริมสุข ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำอัดลมเอส เปิดเผยว่า การทำตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลมเอส บริษัทโฟกัส 3 กลยุทธ์หลัก คือ 1.การทำคอนซูเมอร์โปรโมชัน 2.การสร้างการรับรู้และดึงดูดใจกลุ่มคนรุ่นใหม่ และ 3.การกระจายสินค้าให้ครอบคลุม โดยปีนี้ใช้งบกว่า 1,000 ล้านบาท จนถึงปัจจุบัน “เอส” ขึ้นแท่นอันดับ 2 ตลาดน้ำอัดลมด้วยส่วนแบ่ง 19% ซึ่งสิ้นปีนี้ตั้งเป้ามีส่วนแบ่ง 20%

ฆอร์เก้ โลเปซดอริกา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท อาเจ กรุ๊ป ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำอัดลมบิ๊กโคล่า เปิดเผยว่า แผนการตลาดปีนี้บริษัทจะให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์บิ๊กโคล่า หลังจากทำตลาดมากว่า 6 ปี โดยปี 2555 มีส่วนแบ่งตลาด 16% และตั้งเป้าขึ้นเป็นอันดับ 2 ด้วยส่วนแบ่ง 25% ในอีก 5 ปี

สมรภูมิตลาดน้ำอัดลมในไทยยังฟาดฟันกันอีกยาวไกล แชมป์เสียแชมป์ แชมป์รักษาบัลลังก์ เป็นเรื่องอนาคต แต่ที่แน่ๆ ในห้วงเวลานี้ โค้กกลายเป็นแบรนด์ที่ดีและแข็งแกร่งที่สุด ขณะที่เอสและบิ๊กโคล่า ต้องมุ่งสร้างแบรนด์หนัก ส่วนเป๊ปซี่ เรื่องระบบจัดจำหน่ายยังเป็นโจทย์ใหญ่ที่ต้องแก้ให้ตก

12 ปีที่รอคอย โค้กโค่นเป๊ปซี่วาดเป้า 7 ปี โกย 6 หมื่นล้าน