posttoday

จับตา 5 เม.ย. เสี่ยงไฟดับมากสุด

20 กุมภาพันธ์ 2556

“พงษ์ศักดิ์”สั่งสำรองน้ำมันเตา-ดีเซล133 ล้านลิตรผลิตไฟฟ้าแทนก๊าซฯ คาดกระทบต้นทุนค่าเอฟทีพุ่ง 48 สต./หน่วยงวดหน้า

“พงษ์ศักดิ์”สั่งสำรองน้ำมันเตา-ดีเซล133 ล้านลิตรผลิตไฟฟ้าแทนก๊าซฯ คาดกระทบต้นทุนค่าเอฟทีพุ่ง 48 สต./หน่วยงวดหน้า

นายพงษ์ศักดิ์   รักตพงศ์ไพศาล    รมว.พลังงาน  เปิดเผยภายหลังการประชุม “การรับรองสถานการณ์ภาวะฉุกเฉินด้านพลังงาน”  ว่า ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมกับการหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติจากแหล่งยาดานา  สหภาพพม่า ระหว่างวันที่ 5-13 เม.ย.  โดยด้านการผลิตไฟฟ้าให้สำรองน้ำมันเตา 86 ล้านลิตร และน้ำมันดีเซล 47  ล้านลิตร  รวม 133 ล้านลิตร ไว้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตของโรงไฟฟ้าทดแทนก๊าซฯ ซึ่งจะทำให้มีต้นทุนค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที) เพิ่มขึ้น 2.20 บาท/หน่วย แต่ได้คำนวณไว้ล่วงหน้าในค่าเอฟทีรอบเดือนม.ค.-เม.ย.ไปแล้ว 1.70 บาท/หน่วย จึงเหลืออีก 48 สต./หน่วย ที่จะนำไปคำนวณค่าไฟในรอบ พ.ค.-ส.ค.

ทั้งนี้ จากการประเมินของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) คาดการณ์วันที่ 5 เม.ย. 2556  เป็นวันที่มีความเสี่ยงจะเกิดไฟตกมากที่สุดเนื่องจากมีอุณหภูมิสูงสุดในรอบปี โดยคาดจะมีปริมาณการใช้ไฟฟ้าสูงสุด(พีค) อยู่ที่ 26,300  เมกะวัตต์  ในขณะที่มีสำรองผลิตไฟฟ้าพร้อมจ่ายอยู่ที่ 600 เมกะวัตต์ จากระดับปกติควรอยู่ที่ 1,200 เมกะวัตต์ ดังนั้น กระทรวงพลังงานได้จัดกิจกรรมรณรงค์ ลดการใช้ไฟฟ้าในช่วงเวลา 14.00-14.30 น. ณ ทำเนียบรัฐบาล และวันที่ 13 มี.ค.2556 จะจัดซ้อมแผนรองรับสภาวะวิกฤตด้านพลังงานของประเทศไทย เพื่อเป็นแนวทางเตรียมความพร้อมให้แก่ประเทศหากเกิดภาวะฉุกเฉินด้านพลังงานต่อไป

สำหรับพื้นที่เสี่ยงที่อาจได้รับผลกระทบให้เกิดไฟฟ้าตก ได้แก่ กทม.และภาคใต้ เพราะปัจจุบันการใช้ไฟฟ้าในเขตกทม.อยู่ที่ 1 หมื่นเมกะวัตต์    ซึ่งส่วนใหญ่จะรับไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าฝั่งตะวันตกป็นหลัก ในขณะที่ภาคใต้ มีความต้องการใช้ไฟฟ้า 2,500  เมกะวัตต์ แต่มีโรงไฟฟ้าในพื้นที่เพียง 2,000 เมกะวัตต์ โดยจะรับไฟฟ้าเพิ่มมาจากภาคกลาง และภาคตะวันตก ดังนั้นหากในวันช่วงที่หยุดจ่ายก๊าซฯความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก็อาจเกิดปัญหาขึ้นมาได้ แต่คงไม่ถึงขั้นกับไฟดับทั้งหมด แต่อาจมีการดับไฟฟ้าบางพื้นที่