posttoday

เฮเฟเล่ตั้งเป้าโต12%เน้นกลุ่มอสังหาฯ

19 กุมภาพันธ์ 2556

เฮเฟเล่ ลั่นโต 12% เล็งเจาะกลุ่มโครงการอสังหาฯ ตั้งเป้าบ้านใหม่ต้องมีสินค้าของบริษัท 30%

เฮเฟเล่ ลั่นโต 12% เล็งเจาะกลุ่มโครงการอสังหาฯ ตั้งเป้าบ้านใหม่ต้องมีสินค้าของบริษัท 30%

นายรัตนะ พูนสง่า ผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท เฮเฟเล่ (ประเทศไทย) ผู้นำเข้าและจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้าน (ฮาร์ดแวร์) จากประเทศเยอรมัน เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดจำหน่ายไว้ที่ 3,100 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 12% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากตลาดอสังหาริมทรัพย์เติบโตในทุกประเภท

ทั้งนี้ บริษัทเน้นการเข้าจำหน่ายในโครงการอสังหาริมทรัพย์มาก  โดยคาดว่าจะมีสัดส่วนอยู่ที่ 90% ของรายได้รวม นอกจากนี้ยังตั้งเป้าใมีผลิตภัณฑ์ของบริษัทอย่างน้อย 30% ในครัวเรือนใหม่ในแต่ละปี

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนลงทุนรวมมูลค่า 600 ล้านบาทในปีนี้ แบ่งเป็น ขยายคลังเก็บสินค้า (แวร์เฮ้าส์) เพิ่มขึ้น 1 เท่าตัวจากเดิม 1 หมื่นตารางเมตร มูลค่า 450 - 500 ล้านบาทซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2557 และการปรับรูปลักษณ์โชว์รูมทั่วประเทศมูลค่า 100 ล้านบาท เพื่อรองรับเป้าหมายการเติบโตในประเทศ ส่วนงบการตลาดในปีนี้บริษัทใช้งบการตลาดมูลค่า 150 ล้านบาท สูงขึ้นจากปีก่อนที่มีมูลค่า 120 ล้านบาท ในการทำกิจกรรมส่งเสริมทางการตลาด

นายรัตนะ กล่าวว่า บริษัทมีแผนในการให้บริการจำหน่ายเครื่องใช้ภายในบ้านอย่างครบวงจร (โฮมโซลูชั่น) ภายในปี 2557 ซึ่งล่าสุดเตรียมนำเข้าเครื่องใช้สุขภัณฑ์ระดับพรีเมี่ยมมาทำตลาดในประเทศไทยโดยตั้งเป้าภายในปี 2556 จะมีส่วนแบ่งตลาดในผลิตภัณฑ์ดังกล่าว 1 - 2% หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 100 - 150 ล้านบาท ของตลาดรวมที่มีมูลค่า 1 - 1.5 หมื่นล้านบาทต่อปี และคาดว่าภายใน 3 - 5 ปี จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นแตะระดับ 2,000 ล้านบาท


“ภาพรวมตลาดสินค้าประเภทฮาร์ดแวร์ปี 2555 มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 7,000 ล้านบาท ซึ่งมองว่าในปีนี้จะเติบโตขึ้นในระดับ 10 - 15% โดยบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 30% ในปีที่ผ่านมาและคาดว่าจะเติบโตเหนือตลาดในปีนี้” นายรัตนะ กล่าว


อย่างไรก็ตาม สำหรับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 บริษัทมีแผนการทำการตลาดไปยัง เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่าโดยรูปแบบการเปิดโชว์รูมจำหน่าย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงกลางปี 2556 หลังจากที่ผ่านมาได้มีการทดลองทำตลาดในประเทศ กัมพูชา ลาว และพม่า ซึ่งมียอดขายอยู่ที่ 40 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา


“สำหรับยอดขายในประเทศไทยถือได้ว่ามียอดขายสูงสุดอันดับที่ 4 ของโลก รองจากประเทศ อังกฤษ สหรัฐอเมริกา และ ออสเตเลีย ส่วนในเอเชียประเทศไทยถือได้ว่ามียอดขายอันดับ 1 ในทวีป” นายรัตนะ กล่าว