posttoday

ความเชื่อมั่นอุตฯดีขึ้นต่อเป็นเดือนที่สอง

25 มกราคม 2556

ดัชนีเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมาเดือนธันวาคม ฟื้นต่อเนื่องเดือนที่ 2 หวั่นการปรับขึ้นค่าแรง 300 กระทบ

ดัชนีเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมาเดือนธันวาคม ฟื้นต่อเนื่องเดือนที่ 2 หวั่นการปรับขึ้นค่าแรง 300 กระทบ

นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทยในเดือนธันวาคม 2555 จำนวน 1,064 ราย ครอบคลุม 42 กลุ่มอุตสาหกรรมของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พบว่า ค่าดัชนีความเชื่อมั่นในเดือนธันวาคม 2555 อยู่ที่ระดับ 98.8 เพิ่มขึ้นจากระดับ 95.2 ในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งค่าดัชนีฯ ปรับเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน สำหรับค่าดัชนีที่เพิ่มขึ้นเกิดจากองค์ประกอบยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต และผลประกอบการ 

ทั้งนี้ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในเดือนธันวาคมที่ปรับเพิ่มขึ้น เกิดจากความต้องการสินค้าและบริการเป็นแรงขับเคลื่อนต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า เนื่องจากอยู่ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ประกอบกับในเดือนธันวาคมมีกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าหลายรายการโดยเฉพาะงานมหกรรมยานยนต์ (Motor Expo) และเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของนโยบายรถยนต์คันแรกของรัฐบาล ขณะที่ภาคการส่งออกยังคงขยายตัวดี สะท้อนดัชนียอดคำสั่งซื้อและยอดขายจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตามแม้ดัชนีความเชื่อมั่นฯ จะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง แต่ค่าดัชนีฯ ยังต่ำกว่า 100 สะท้อนว่าความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการอยู่ในระดับที่ไม่ดี ปัจจัยลบที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ ได้แก่ การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวันทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2556 เป็นต้นไป ราคาวัตถุดิบและราคาพลังงานที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น รวมถึงปัญหาการขาดแคลนแรงงาน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้น

ทั้งนี้ สะท้อนได้จากความเชื่อมั่นคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า แม้ภาพรวมจะปรับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 100.6 เพิ่มขึ้นจากระดับ 99.6 ในเดือนพฤศจิกายน ค่าดัชนีที่เพิ่มขึ้นเกิดจากองค์ประกอบ ยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต และผลประกอบการ แต่ในอุตสาหกรรมขนาดย่อมและขนาดกลาง ดัชนีคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า ปรับตัวลดลง เนื่องจากกังวลยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการ และผลประกอบการ

สำหรับด้านสภาวะแวดล้อมในการดําเนินกิจการ เมื่อพิจารณาปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการประกอบการอุตสาหกรรมในเดือนธันวาคม พบว่า ผู้ประกอบการมีความกังวลในประเด็นผลกระทบจากราคาน้ำมันมากที่สุด รองลงมา คือ ภาวะเศรษฐกิจโลก สถานการณ์การเมืองในประเทศ อัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ โดยผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้นในปัจจัยราคาน้ำมันและอัตราแลกเปลี่ยน

อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการที่มีต่อภาครัฐในเดือนธันวาคม คือต้องการให้ภาครัฐจัดงานแสดงสินค้าเพื่อสนับสนุนสินค้าของผู้ประกอบการ SMEs ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้งชะลอการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (FT) และราคาก๊าซ LPG เพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิต รวมถึงเร่งหาแนวทางแก้ไขปัญหาด้านราคาพลังงานอย่างยั่งยืนให้กับภาคอุตสาหกรรม พร้อมทั้งชดเชยส่วนต่างค่าจ้างแรงงาน 300 บาทต่อวัน เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถปรับตัวได้เป็นระยะเวลา 2 ปี และช่วยสนับสนุนหาแหล่งตลาดใหม่ๆ ให้กับภาคอุตสาหกรรมส่งออกเพื่อทดแทนตลาดหลักที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจยุโรปและสหรัฐฯ