ตั้งศูนย์ปรับแต่งเครื่องทั่วปท.รับเลิกเบนซิน91
กระทรวงพลังงานตั้งศูนย์ปรับแต่งเครื่องยนต์200แห่งทั่วประเทศรองรับรถเก่าหลังเบนซิน91
กระทรวงพลังงานตั้งศูนย์ปรับแต่งเครื่องยนต์200แห่งทั่วประเทศรองรับรถเก่าหลังเบนซิน91
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยว่ากระทรวงพลังานงานได้จัดตั้งโครงการติดตั้งศูนย์บริการปรับแต่งเครื่องยนต์ให้สามารถใช้แก๊สโซฮอล์ได้ รองรับนโยบายการยกเลิกจำหน่ายเบนซิน91 โดยมอบหมายให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน(พ.พ.)ไปดำเนินการร่วมกับสถาบันการศึกษาให้บริการปรับแต่งเครื่องยนต์ของรถยนต์รุ่นเก่าให้สามารถใช้แก๊สโซฮอล์ได้ ซึ่งกำหนดไว้ 200 แห่งทั่วประเทศตามวิทยาลัยอาชีวศึกษาและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลที่เข้าร่วมโครงการ
สำหรับรถยนต์ที่เข้าข่ายต้องมีการปรับแต่งเครื่องยนต์จะมีประมณ 5 แสนคัน ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ผลิตก่อนปี 2538 และรถจักรยานยนต์อีก 5 แสนคันที่เป็นระบบ2จังหวะผลิตก่อนปีพ.ศ. 2543 รวมถึงเครื่องยนต์การเกษตรขนาดเล็กที่ใช้เบนซินอีก 5 แสนถึง 1 ล้านเครื่อง
ทั้งภาครัฐจะใช้งบประมาณ 66 ล้านบาทจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง มาสนับสนุนโครงการดังกล่าวโดยออกค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าแรงปรับแต่เครื่องยนต์ให้ทั้งหมดยกเว้นค่าอุปกรณ์เจ้าของรถยนต์จะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเอง ซึ่งกำหนดระยะเวลาในการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 25 ธ.ค. 2555 – 24 เม.ย. 2556
ด้านการเตรียมพร้อมของโรงกลั่นน้ำมันกับแผนการยกเลิกจำหน่ายเบนซิน 91 นั้น ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2556 จะไม่มีการผลิตเบนซิน 91 แต่จะมีเบนซิน91 ที่เหลือค้างระบบอยู่บ้าง ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 1-3 เดือน ในการจำหน่ายออกไป หลังกจากนั้นจะมีเหลือเบนซิน 95 และแก๊สโซฮอล์จำหน่ายเพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ใช้
นายวีระพล กล่าวว่า ผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศได้ให้การยืนยันว่ารถยนต์ที่เป็นหัวฉีดที่ผลิตตั้งแต่ปี 2538 และรถจักรยานยนต์ที่เป็นเครื่องยนต์ 4 จังหวะ ทุกรุ่น สามารถใช้แก๊สโซฮอล์ได้ ในขณะที่มีรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ที่สามารถใช้แก๊สโซฮอล์อี 20 ออกมาจำหน่ายตั้งแต่ปี 2551 แล้ว โดยรายละเอียดรุ่นรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่สามารถใช้แก๊สโซฮอล์ได้ตรวจสอบได้จาก www.doeb.go.th
การยกเลิกจำหน่ายเบนซิน 91 เป็นการนำศักยภาพด้านพลังงานของประเทศมาใช้ประโยชน์และสามารถพึ่งพาตนเองได้มากขึ้นตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง โดยเกษตรกรได้รับประโยชน์ด้านราคาพืชผล ผู้บริโภคก็ได้รับประโยชน์จากการใช้น้ำมัน ซึ่งแก๊สโซฮอล์มีราคาถูกกว่าเบนซิน นอกจากนี้ยังช่วยลดมลพิษที่ปล่อยออกมาอีกด้วย