posttoday

ไฮแฟชปั้น"บีเจ"บุกตลาดยีนส์

17 ธันวาคม 2555

ไฮแฟชฯ ปรับแผนบุกตลาดกางเกงยีนส์ ปั้นแบรนด์ใหม่ “บีเจ” เจาะตลาด5,000 ล้านบาท รับพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ไม่ติดแบรนด์แฟชัน

ไฮแฟชฯ ปรับแผนบุกตลาดกางเกงยีนส์ ปั้นแบรนด์ใหม่ “บีเจ” เจาะตลาด5,000 ล้านบาท รับพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ไม่ติดแบรนด์แฟชัน

น.ส.กัลยาณี บุญญลักษม์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ห้างหุ้นส่วนจำกัด ไฮแฟช เอเจนซี่ เปิดเผยว่าไฮแฟชฯ ว่างแผนใช้งบลงทุนในปี2556 ไม่ต่ำกว่า 115 ล้านบาท เพื่อทำตลาดเครื่องแต่งกายยีนส์แบรนด์ใหม่ภายใต้ชื่อ บี จีเนียส หรือ ‘บีเจ’ ซึ่งเป็นการสร้างแบรนด์สินค้าของตัวเองเป็นครั้งแรก และทำตลาดเชิงรุกอย่างจริงจังครั้งแรกในรอบ 28ปี หลังจากที่บริษัทได้รับสิทธ์ในการผลิตและทำตลาด(ไลเซนส์) แบรนด์ บิ๊ก จอห์น จากประเทศญี่ปุ่น

ทั้งนี้ งบดังกล่าวจะนำไปใช้ในการพัฒนาปรับปรุงร้านสาขา บิ๊ก จอห์น เดิมที่มีกว่า 100 จุดขายทั่วประเทศ คาดใช้งบเฉลี่ยราว 1 ล้านบาทต่อสาขา ส่วนงบที่เหลือสำหรับการทำตลาดเพื่อสื่อสารแบรนด์ใหม่ดังกล่าว ร่วมกับกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะการใช้กลยุทธ์การทำตลาดผ่านสื่อใหม่ ในเว็บไซต์สังคมออนไลน์(โซเชียล มีเดีย) ต่างๆมากขึ้น

สำหรับสินค้าแบรนด์ดังกล่าว จับกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นอายุ13 ปีขึ้นไป และกลุ่มวัยทำงานผู้บริหารคนรุ่นใหม่(ยังค์ เอ๊กเซคูทีฟ) โดยวางราคาจำหน่ายกางเกงยีนส์แบรนด์บีเจราว 1,495 ต่อตัว ซึ่งได้ทดลองทำตลาดสินค้าดังกล่าวจำนวน20ในช่วง6เดือนก่อนที่ผ่านมา ในช่องทางจำหน่าย บิ๊ก จอห์น ทั่วประเทศ และร้านสาขาเดี่ยว(สแตนด์ อโลน) 4 แห่งที่ศูนย์การค้าแฟชันไอส์แลนด์, เทอร์มินัล ทเวนตี วัน และพัทยา 2 สาขา

ทั้งนี้ ไฮแฟชฯ มองเห็นโอกาสจากตลาดสินค้าแฟชันยีนส์มูลค่ากว่า 5,000ล้านบาทในช่องทางห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศ ที่มีอัตราเติบโตดีต่อเนื่อง จากพฤติกรรมผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ในปัจจุบันที่นิยมแต่งกายในแบบของตัวเองมากขึ้นและไม่ยึดติดกับแบรนด์สินค้าใดแบรนด์หนึ่งเหมือนในอดีต แต่พร้อมลองซื้อแบรนด์ใหม่ที่ตรงกับความต้องการของตัวเองมากขึ้น

“ในปีหน้า เตรียมแผนขยายสาขาร้านเดี่ยวไม่ต่ำกว่า 5 จุดใหม่ ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด โดยแต่ละสาขาคาดใช้พื้นที่ประมาณ 100 ตร.ม. ส่วนหนึ่งเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น” น.ส.กัลยาณี กล่าว

นอกจากนี้ ไฮแฟชฯยังเตรียมปรับสัดส่วนการผลิตสินค้าใหม่ โดยให้แบรนด์บีเจ มีกำลังการผลิตราว70% จากปัจจุบันอยู่ที่ 30% ส่วนแบรนด์ บิ๊ก จอห์น จะลดสัดส่วนมาเป็น 30% จากเดิมอยู่ที่ 70% ซึ่งบริษัทได้ว่าจ้างการผลิตจากภายนอก(เอาท์ ซอร์สซิง) ในประเทศเพื่อนบ้านและจีน ส่วนหนึ่งเพื่อลดปัญหาต้นทุนการผลิตด้านแรงงานไทยที่เตรียมปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำใหม่เป็น 300 บาททั่วประเทศในปีหน้า

ขณะที่ปัจจุบัน มีโรงงานในไทย 1แห่งในย่านอ่อนนุช39 มีกำลังการผลิตราว 1.5หมื่นตัว มีแรงงานกว่า 200 คน ซึ่งไฮแฟชฯ ได้เร่งดำเนินการบริหารจัดการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตมากขึ้น เพื่อบริหารต้นทุนในภาพรวมที่ปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทมีแผนปรับราคาสินค้าในช่วงไตรมาส4 ปีหน้าอีกประมาณ 5% โดยในปีนี้ คาดจะมีรายได้เติบโตเพิ่มขึ้นอีก 10% จากปี2554 มียอดขายมากกว่า 500 ล้านบาท

พร้อมกันนี้ จากการทำตลาดเชิงรุกแบรนด์ บีเจ ในปีหน้า คาดจะมียอดขายเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 5-10% พร้อมวางแผนให้แบรนด์บีเจ เข้าไปอยู่ในใจผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย ได้เช่นเดียวกับแบรนด์ บิ๊ก จอห์น ที่ปัจจุบันครองอันดับติด1ใน5 แบรนด์กางเกงยีนส์ในตลาดประเทศไทย คือ  ลีวาย’ส, แม็ค, แรงเลอร์, ลี และฮาร่า ซึ่งภายใน 5ปีนับจากนี้ยังวางแผนขยายตลาดส่งออกไปยัง พม่า และเวียดนาม อีกด้วย