เซเรบอสทุ่ม2พันล.ผุดโรงงานผลิตป้อนอาเซียน

เซเรบอสทุ่มงบกว่า 2,000 ล้านบาท ผุดโรงงานเพิ่มการผลิตแบรนด์ซุปไก่สกัด ป้อนตลาดอาเซียน

น.ส.ลักขณา ลีละยุทธโยธิน ประธานกรรมการบริหาร ฝ่ายผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพ บริษัท เซเรบอส แปซิฟิค ผู้ผลิตและจำหน่ายซุปไก่สกัด รังนกยี่ห้อแบรนด์ เปิดเผยว่า บริษัทได้ใช้งบประมาณกว่า 2,000 ล้านบาท  ก่อสร้างโรงงานผลิตซุปไก่สกัดแบรนด์ บนเนื้อที่ 37 ไร่ บริเวณต.ปิ่นทอง อ.แหลมฉบัง จ.ชลบุรี เพื่อรองรับการเปิดตลาดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) อย่างเป็นทางการในปี 2558

ทั้งนี้โรงงานแห่งใหม่ สามารถผลิตซุปไก่สกัด รองรับการเติบโตในอีกหลายปีข้างหน้า ซึ่งขณะนี้บริษัทได้เปิดตลาดในวงกว้าง ซึ่งในปีหน้ามีแผนรุกตลาด ประเทศกัมพูชา พม่า สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และเวียดนาม อย่างจริงจัง เพื่อให้ครอบคลุทั้ง 10 ประเทศ โดยใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิต(ฮับ)  เพื่อส่งออกและบริโภคภายในประเทศ

ปัจจุบันบริษัทได้ขยายการก่อสร้างโรงงาน ใน 4 ประเทศ ได้แก่ ไทย มาเลเซีย ไต้หวัน และกว่างโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน รองรับการขยายตัวด้านอาหารเสริมเพื่อสุขภาพในอนาคต ซึ่งมองว่าประเศไทยมีความได้เปรียบในการทำตลาด เพราะสินค้าแบรนด์ได้ทำตลาดมายาวนานกว่า 100 ปี

"บริษัทได้เตรียมแผนรับมือเปิดเออีซีมานาน ทั้งโรงงานผลิตและแผนการตลาด เพื่อให้มีความพร้อมมากที่สุด ซึ่งมองว่าในแต่ละตลาดที่เข้าไป บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดในอันดับต้นทั้งกลุ่มซุปไก่และรังนก โดยเฉพาะตลาดในประเทศไทย รังนกมีส่วนแบ่งทางการตลาดกว่า60%  จากมูลค่าตลาดรวม 3,000 ล้านบาท" น.ส.ลักขณากล่าว

สำหรับแผนกลยุทธ์การตลาดในประเทศช่วงเดือนสุดท้ายและต้นปีนี้ บริษัทได้ใช้งบประมาณจำนวน 20 ล้านบาท เปิดตัวสินค้าใหม่รุ่นลิมิเตท เอดิชัน แบรนด์รังนกแท้เนื้อทองในนำ้แร่ธรรมชาติจากประเทศญี่ปุ่น สูตรซากุระ อะโรมา และแบรนด์รังนกแท้สูตรซากุระ อะโรมา ในราคาจำหน่ายเท่ากับแบรนด์รังนกธรรมดา เพื่อกระตุ้นยอดขายช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งคาดว่าช่วงจำหน่ายสินค้าทั้งสองตัวจะทำให้บริษัทมีรายได้เติบโต 10-15%  เทียบกับช่วงเวลาปกติ

นอกจากนี้ในปีหน้ามีแผนออกสินค้าใหม่ ในกลุ่มความสวยความงาม เพื่อขยายฐานตลาดลูกค้าให้ครบทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงาน ซึ่งที่ผ่านมาภาพลักษณ์แบรนด์สินค้าเน้นกลุ่มเด็ก แต่แผนการโฆษณาประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์แบรนด์ในปีนี้ จะเพิ่มความทันสมัยมากขึ้น

น.ส.ลักขณา กล่าวว่า ช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้ มองว่ากำลังซื้อคนไทยจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ หลังจากปีที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากปัญหานำท่วม ทำให้เกิดอั้นการใช้จ่ายและพร้อมจะใช้จ่ายช่วงปลายปีนี้ เพื่อร่วมฉลองเทศกาลแห่งความสุข