posttoday

ผู้นำ16ชาติเปิดเจรจาความตกลง RCEP

20 พฤศจิกายน 2555

ผู้นำชาติอาเซียนบวก 6 ใช้เวทีประชุมสุดยอดอาเซียน ประกาศพร้อมเจรจาความตกลงพันธมิตรทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค

ผู้นำชาติอาเซียนบวก 6 ใช้เวทีประชุมสุดยอดอาเซียน ประกาศพร้อมเจรจาความตกลงพันธมิตรทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค

นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า  ในระหว่างประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 21 ที่กรุงพนมเปญ กัมพูชา วันนี้ (20 พ.ย.) ผู้นำ 16 ชาติ ได้แก่ อาเซียน 10 ประเทศ พร้อมด้วย จีน ญี่ปุ่น เกาหลี อินเดีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ แสดงเจตนารมณ์ร่วมกันที่จะเจรจาความตกลงพันธมิตรทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership หรือ “RCEP”) ตั้งแต่ต้นปี 2556 และให้การเจรจาแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2558 ในส่วนของประเทศไทยนั้น รัฐสภาได้เห็นชอบกรอบการเจรจาความตกลงการค้าเสรีของไทยภายใต้การเจรจาอาเซียนกับประเทศนอกกลุ่มไว้แล้วเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2552 ตามมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550

สำหรับความตกลง RCEP พัฒนาต่อยอดจากความตกลงการค้าเสรีที่อาเซียนมีอยู่แล้ว 5 ฉบับ กับ 6 ประเทศ (อาเซียน-จีน อาเซียน-ญี่ปุ่น อาเซียน-เกาหลี อาเซียน-อินเดีย อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์) ซึ่งเป็นความตกลงที่มีคุณภาพสูงทั้งเชิงลึกและเชิงกว้าง ครอบคลุมทุกมิติการค้า ไม่ว่าจะเป็น สินค้า บริการ ลงทุน มาตรการการค้า ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ เพื่อเชื่อมโยงเครือข่ายการผลิต การค้า และการลงทุน มีการปรับกฎกติกาทางการค้าต่างๆ และกฎถิ่นกำเนิดสินค้าให้สอดคล้องกันมากขึ้น อำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุนของภาคเอกชนได้มากกว่าความตกลงที่มีอยู่ เพื่อเสริมโอกาสการค้าและลงทุนในตลาดที่มีมูลค่าเศรษฐกิจรวมกันสูงถึง 17 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ

นอกจากนี้ ผลการศึกษาการเปิดตลาดการค้าเสรีภายใต้กรอบความตกลงที่รวม 16 ประเทศพันธมิตรดังกล่าว  จัดทำโดย TDRI ร่วมกับกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ พบว่า การจัดทำความตกลงระหว่างอาเซียนกับประเทศภาคีทั้ง 6 ประเทศนี้ จะทำให้ GDP ไทยเพิ่มขึ้น 4.03% และเพิ่มสวัสดิการสังคมคิดเป็นมูลค่าประมาณ 3,560 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งไทยจะได้ประโยชน์จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้นของสินค้าหลายกลุ่ม เช่น ผัก ผลไม้แปรรูป อาหารแปรรูป เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และส่วนประกอบของยานพาหนะ ยางพารา และพลาสติก

ขณะที่ ในปี 2554 ไทยค้าขายกับประเทศในกลุ่ม RCEP กว่า 2.55 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 56% ของยอดรวมการค้าของไทย