posttoday

ยูนิลีเวอร์ลั่นไม่ขึ้นราคาสินค้า

30 ตุลาคม 2555

ยูนิลีเวอร์ รับไหวค่าแรง300บ. พร้อมตรึงราคาสินค้าอุปโภค-บริโภค ลุยลงทุน600 ล้านบาทเปิดศูนย์อาร์แอนด์ดีในไทย

ยูนิลีเวอร์ รับไหวค่าแรง300บ. พร้อมตรึงราคาสินค้าอุปโภค-บริโภค ลุยลงทุน600 ล้านบาทเปิดศูนย์อาร์แอนด์ดีในไทย

ยูนิลีเวอร์ลั่นไม่ขึ้นราคาสินค้า

นายบาวเค่อ ราวเออร์ส ประธานกลุ่มบริษัท ยูนิลีเวอร์ ในประเทศไทย ผู้ผลิตและทำตลาดสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ เปิดเผยว่าจากนโยบายการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ300บาทต่อวันที่ทยอยปรับขึ้นในปีหน้าทั่วประเทศ  บริษัทคาดไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจในภาพรวมมากนัก ซึ่งบริษัทพร้อมปรับอัตราค่าจ้างใหม่ให้กับพนักงานภายในองค์กรด้วย และยังไม่มีแผนขึ้นราคาสินค้าอุปโภคบริโภคแต่อย่างใด

ทั้งนี้ บริษัทจะใช้วิธีการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตภายใน เพื่อผลิตสินค้าออกมาในจำนวนมากและมีคุณภาพ เพื่อควบคุมต้นทุนการผลิตให้ต่ำลงเป็นหลัก เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคแบกรับภาระราคาสินค้าในอนาคต อย่างไรก็ตามบริษัทอาจมีแผนปรับราคาสินค้าเล็กน้อย ส่วนจะเป็นกลุ่มสินค้าประเภทใดนั้นยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ด้วยปัจจุบันต้นทุนการผลิตสำคัญของบริษัทมาจากราคาน้ำมันในตลาดโลก

ขณะเดียวกันบริษัทใช้งบกว่า 600 ล้านบาทก่อสร้างอาคารศูนย์วิจัยและพัฒนา(อาร์แอนด์ดี)ระดับภูมิภาค ในผลิตภัณฑ์ต่างๆของกลุ่มบริษัทยูนิลีเวอร์เพื่อรองรับตลาดในภูมิภาคแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ที่ทำเลมีนบุรี-ลาดกระบัง โดยจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่31 ต.ค.นี้ รวมถึงให้แผนลงทุนเพื่อพัฒนาบุคลากรในไทนอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากใช้งบลงทุน2600 ล้านบาทก่อสร้างสำนักงานแห่งใหม่ที่ถ.พระราม9

สำหรับแผนการตลาดในไตรมาส4ปีนี้ บริษัทเตรียมเปิดตัวสินค้าเทคโนโลยีใหม่ ภายใต้กลุ่มสินค้าซักล้าง ผงซักฟอกบรีสสูตรน้ำชนิดเข้มข้น และผลิตภัณฑ์แบรนด์โดฟ สกิน เป็นครั้งแรกในไทย ที่ได้ทยอยทดลองวางตลาดในช่วงที่ผ่านมาในช่องทางร้านค้าปลีกสมัยใหม่ และได้การตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภคชาวไทยที่รู้จักสินค้าแบรนด์ดฟ สำหรับดูแลเส้นผมมาก่อนนี้ และไม่ได้ปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นเช่นกัน

นายบาวเค่อ กล่าวถึงภาพรวมตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคในไทยปีนี้ มีอัตราการเติบโตดีจากกำลังซื้อที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในระดับภูมิภาคจากการขยายตัวของร้านค้าปลีกที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน ที่ส่งผลให้ผู้บริโภคชาวไทยมีโอกาสเข้าถึงสินค้าพื้นฐานที่ใช้ในชีวิตประจำวันได่มากขึ้น ซึ่งบริษัทเองได้ใช้กลยุทธ์การทำตลาดสินค้าในราคาและขนาดที่เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละกลุ่มเป้าหมายเป็นหลัก ด้วย

สำหรับผลดำเนินการบริษัทในรอบ9เดือนแรกปีนี้ มีอตราการเติบโต14% เป็นผลจากการเปิดตัวและทำตลาดสินค้าแบรนด์และสูตรใหม่ต่อเนื่อง อาทิ แบรนด์ไอศกรีมแม็กนั่ม ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมโทนี่แอนด์กาย เทรซาเม่ ผลิตภัณฑ์โปรแม็กซ์ ผลิตภัณฑ์คนอร์สูตรสำเร็จ เป็นต้น และในปีนี้บริษัทยังได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ซันซิลใหม่ที่มีส่วนผสมจากน้ำมันธรรมชาติ 5 ชนิด เป็นต้น

ขณะที่ตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคในไทยปีนี้ คาดมีอัตราเติบโต9% จากปีก่อนเติบโต6% เป็นผลจากกำลังซื้อที่ดีขึ้น โดยในส่วนของบริษัทปีนี้คาดเติบโตมากว่า10% หรือมียอดขายกว่า 4หมื่นล้านบาท