ซีอาร์ซีฮุบออฟฟิศเมทต่อยอดออนไลน์

ซีอาร์ซีประกาศเข้าควบรวมธุรกิจออฟฟิศเมท  เข้าถือหุ้น 75%

นายทศ จิราธิวัฒน์

นายทศ จิราธิวัฒน์ ในนามกลุ่มจิราธิวัฒน์ เปิดเผยว่า ได้นำบริษัท บีทูเอส และบริษัท ออฟฟิซ คลับ (ไทย) ในกลุ่มจิราธิวัฒน์ ได้เข้าควบรวมกิจการกับบริษัท ออฟฟิศเมท คลับ  (ไทย) เพื่อนำความชำนาญของธุรกิจแต่ละบริษัทมาผสานกัน โดยเฉพาะการนำสินค้าที่หลากหลายในกลุ่มค้าปลีกเครือเซ็นทรัล มาต่อยอดในธุรกิจออนไลน์ที่ ออฟฟิศเมทฯมีความชำนาญ

ทั้งนี้ชสินทรัพย์บีทูเอส และ ออฟฟิซ คลับ (ไทย) ณ สิ้นปี 2555 มีมูลค่ารวมกันกว่า 3,400 ล้านบาท และมียอดขายรวมกว่า 6,700 ล้านบาท ดังนั้น ภายหลังการควบรวมกิจการในครั้งนี้ จะส่งผลให้ออฟฟิศเมทมีสินทรัพย์รวมกว่า 4,000 ล้านบาท และคาดว่าจะมียอดขายรวมกว่า 8,000 ล้านบาทต่อปี

นายวรวุฒิ อุ่นใจ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการบริษัท ออฟฟิศเมท กล่าวว่า การร่วมมือระหว่างออฟฟิศเมท กับ ออฟฟิซ คลับ (ไทย) และบีทูเอสน่าจะก่อให้เกิด Synergy ขึ้นอย่างมาก ด้วยแต่ละบริษัทมีความชำนาญในแต่ละด้านที่แตกต่างกัน  สามารถเสริมจุดเด่นและปรับปรุงจุดด้อยในการทำธุรกิจได้เป็นอย่างดี 

สำหรับออฟฟิศเมทเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการซื้อขายระบบแค็ตตาล็อก โดยรับคำสั่งซื้อผ่านระบบ Call Center ระบบออนไลน์ (e-Commerce) และระบบสั่งซื้ออิเล็กทรอนิกส์เฉพาะแต่ละองค์กร (e-Procurement)  รวมถึงแบรนด์ออฟฟิศเมทและ Trendyday.com ต่างก็เป็นแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าในประเทศไทย

ในขณะที่บีทูเอสและ คลับ (ไทย) เป็นธุรกิจค้าปลีกเฉพาะด้านอันดับหนึ่งของไทย มีร้านค้ากระจายสินค้าถึง 117 แห่ง ครอบคลุมในหลากหลายพื้นที่ การรวมกันในครั้งนี้ส่งผลให้ออฟฟิศเมทมีช่องทางการให้บริการเพิ่มมากขึ้น  อีกทั้งบีทูเอสสินค้าหลักก็คือหนังสือ สื่อบันเทิง เพลง ภาพยนตร์ (Edutainment) ซึ่งเพิ่มความหลากหลายให้กับสินค้าของออฟฟิศเมท และช่วยขยายฐานลูกค้าของออฟฟิศเมทให้ครอบคลุมในหลายกลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้น”

“การโอนธุรกิจทั้งสองให้กับออฟฟิศเมทซึ่งเป็นผู้นำตลาดค้าปลีกออนไลน์จะทำให้ลูกค้าของทั้งสามบริษัทได้รับประโยชน์ โดยลูกค้าจะมีช่องทางในการเลือกซื้อสินค้าเพิ่มมากขึ้น ทั้งยังมีสินค้าหลากหลายที่พร้อมสนองตอบความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบครัน เรามั่นใจว่า การดำเนินธุรกิจภายหลังการรวมกิจการจะเสริมประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจตลอดจนเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ยกระดับคุณภาพการให้บริการ และสนองตอบความต้องการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้นนอกจากนี้ นายวรวุฒิจะเข้ามามีบทบาทในการผลักดันสินค้าในกลุ่มเซ็นทรัลเข้าสู่ธุรกิจออนไลน์ อย่างเต็มตัว เพื่อเตรียมพร้อมรับการเปิดตลาดเออีซีในอีก 3 ปีข้างหน้า” นายทศกล่าว

นอกจากนี้ ภายหลังการรวมกิจการในครั้งนี้ จะมีการปรับโครงสร้างคณะกรรมการของออฟฟิศเมทและการบริหารจัดการธุรกิจเพื่อเสริมความคล่องตัวและก่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงาน  โดยนายวรวุฒิจะดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัทออฟฟิศเมท บริหารจัดการธุรกิจหลักของทั้ง 3 บริษัท คือ บริษัทออฟฟิศเมทเดิม บริษัท ออฟฟิซ คลับ (ไทย) และบริษัทบีทูเอส ซึ่งรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการ และทีมบริหารจะมีการหารือกับนายวรวุฒิเพื่อหาข้อสรุปร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง

ขั้นตอนหลังจากนี้ออฟฟิศเมทจะออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 240 ล้านหุ้น ในการได้มาซึ่งหุ้นสามัญของ ออฟฟิซคลับ (ไทย) และบีทูเอสดังกล่าว โดยสัดส่วนการถือครองหุ้นภายหลังการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนคิดเป็นอัตราส่วน 3 ต่อ 1 กล่าวคือ กลุ่มจิราธิวัฒน์จะเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของออฟฟิศเมทในสัดส่วนร้อยละ 75 ในขณะที่กลุ่มตระกูลอุ่นใจและกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมของออฟฟิศเมทจะถือหุ้นในสัดส่วนรวมกันร้อยละ 25 โดยออฟฟิศเมทจะเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อขอมติอนุมัติการเข้าทำรายการดังกล่าว พร้อมยื่นคำขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยอ้อมก่อนที่จะย้ายเข้าซื้อขายใน Board SET ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยในเบื้องต้นคาดว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ น่าจะมีมติรับหุ้นสามัญใหม่ของบริษัทและสามารถทำรายการได้ภายในปลายปี 2555

นายทศกล่าวว่า ปัจจุบันธุรกิจออนไลน์ถือเป็นธุรกิจที่มีการขยายตัวปีละไม่ต่ำกว่า 100% ซึ่งที่ผ่านมาซีอาร์ซีมีสัดส่วนธุรกิจออนไลน์ไม่ถึง 10% จากรายได้รวม เมื่อมีเทคโนโลยีและระบบที่พร้อมแล้ว เชื่อว่าจะช่วยเพิ่มสัดส่วนธุรกิจออนไลน์ให้เป็น 35-40% ในอนาคตจากปัจจุบันที่รายได้ทั้งกลุ่มซีอาร์ซีอยู่ที่ 1.6 แสนล้านบาท ขณะที่ธุรกิจออนไลน์โดยรวมมีมูลค่าสูงถึงกว่า 8 หมื่นล้านบาท