posttoday

สหพัฒน์โหมตลาดอาเซียน

16 ตุลาคม 2555

เครือสหพัฒน์ปรับทิศธุรกิจใหม่ ลดค่าใช้จ่ายทั้งเครือหลังออร์เดอร์ส่งออกสิ่งทอวูบ 20% ลุยตลาดใหม่ในอาเซียน

เครือสหพัฒน์ปรับทิศธุรกิจใหม่ ลดค่าใช้จ่ายทั้งเครือหลังออร์เดอร์ส่งออกสิ่งทอวูบ 20% ลุยตลาดใหม่ในอาเซียน

สหพัฒน์โหมตลาดอาเซียน

บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง บริหารความเสี่ยงปี 2556 โดยกำหนดนโยบายให้บริษัทในเครือสหพัฒน์ ทั้งหมดลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลง โดยให้แต่ละบริษัทมีสิทธิดำเนินการเอง

ทั้งนี้ หากยอดขายไม่ดี แต่มีค่าใช้จ่ายที่เท่าเดิมก็มีผลต่อการดำเนินงานบริษัทได้ ส่วนวิธีการลดค่าใช้จ่ายในแต่ละบริษัทขึ้นอยู่กับบริษัทนั้นๆ ที่เขามีสิทธิไปดำเนินการเอง

นายสันติ วิลาสศักดานนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ สหพัฒนาฯ กล่าวว่า หลังจากเครือสหพัฒน์เริ่มเห็นสัญญาณการส่งออกไม่ดีตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา ก็เริ่มบริหารความเสี่ยงด้วยการพยายามหาตลาดใหม่ด้วยการเพิ่มยอดขายจากการบริโภคภายในประเทศเอง

ขณะเดียวกันก็พยายามหาตลาดใหม่เพิ่ม โดยเฉพาะกลุ่มประเทศอาเซียนที่มีการค้าติดกับชายแดนไทย ทั้งพม่าและกัมพูชาที่มีกำลังซื้อมาก โดยปัจจุบันบริษัทมีการส่งสินค้าและตั้งตัวแทนจำหน่ายสินค้าไปประเทศนั้นๆ อยู่แล้ว มีการศึกษาในการก่อสร้างโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม หรือเช่าโรงงานเก่าของพม่า รวมทั้งศึกษาการขยายตลาดไปยังอินโดนีเซียที่มีกำลังซื้อดีอยู่

นายสันติ กล่าวว่า ในปีหน้าผู้ประกอบธุรกิจต้องเหนื่อยและมีการปรับตัวมากกว่าปีนี้ โดยคาดว่าการส่งออกจะเติบโตได้ไม่เกิน 2 หลัก โดยบริษัทในเครือถูกยกเลิกคำสั่งซื้อ (ออร์เดอร์) สินค้ามากสุดถึง 20% ในกลุ่มสินค้าเสื้อผ้าและสิ่งทอ เป็นการยกเลิกจากกลุ่มประเทศยุโรปเป็นส่วนใหญ่ รองลงมา คือ สหรัฐ ขณะกลุ่มที่ยังได้รับการตอบรับดีเป็นกลุ่มบริโภค

สำหรับปัจจัยเสี่ยงปีหน้าที่ต้องระวัง มีตั้งแต่เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง โดยยุโรปน่าจะมีการฟื้นตัวยาก ค่าเงินบาทยังแข็งค่า ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ส่งออก และต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นจาก 100 บาทต่อวัน เป็น 300 บาทต่อวัน จึงเห็นบางโรงงานย้ายการผลิตไปยังประเทศที่มีค่าจ้างที่ถูกกว่าอย่างกัมพูชา

นายบุญเกียรติ โชควัฒนา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า ปีนี้ ไอ.ซี.ซี. ตั้งเป้ารายได้เติบโต 10% แต่คาดว่ารายได้จะไม่ถึงเป้าหมาย เพราะออร์เดอร์ส่งออกมีการชะลอตัวลงจากภาวะตกใจในปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัว อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าปีหน้าสถานการณ์จะดีขึ้นได้ เพราะทั่วโลกมีแต่เรื่องไม่ดี แต่เศรษฐกิจในกลุ่มเอเชียยังดีอยู่