posttoday

แอลจีคาดโฟนเล็ตอนาคตรุ่ง

02 ตุลาคม 2555

แอลจี ชี้ โฟนเล็ตมาแรง ขายเดือนละหมื่นเครื่อง หวังกินแชร์เดือนพันเครื่อง ชี้สมาร์ตโฟนถูกลงเรื่อยรับ 3จี

แอลจี ชี้ โฟนเล็ตมาแรง ขายเดือนละหมื่นเครื่อง หวังกินแชร์เดือนพันเครื่อง ชี้สมาร์ตโฟนถูกลงเรื่อยรับ 3จี

แอลจีคาดโฟนเล็ตอนาคตรุ่ง

นายสมศักดิ์ อธิศัยตระกูล หัวหน้ากลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดโฟนเล็ต ซึ่งเป็นโทรศัพท์สมาร์ตโฟนรวมกับแท็บเล็ตเข้าไว้ด้วยกัน ได้รับความนิยมจากตลาดมากขึ้นเรื่อยๆ จากปัจจุบันมีผู้ผลิตอยู่ 2 รายใหญ่ในตลาด คือ ซัมซุง กับแอลจี และคาดว่าจะมีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาเพิ่มอีก 1 รายในปีนี้ โดยปีนี้ตลาดรวมเฉลี่ยจะอยู่ที่ 1 หมื่นเครื่องต่อเดือน ซึ่งบริษัทตั้งเป้าขาย 1,000 เครื่องต่อเดือน

“ขณะนี้ความต้องการใช้สมาร์ตโฟนกึ่งแท็บเล็ตมีเพิ่มสูงขึ้น ทำให้บริษัทหันมาให้ความสำคัญกับสินค้าในกลุ่มนี้มากขึ้น โดยเฉพาะระดับราคา 1.5-2 หมื่นบาทต่อเครื่อง เนื่องจากเป็นสินค้าที่สร้างยอดขายสูงกว่าโทรศัพท์ประเภทฟีเจอร์โฟน ที่นับวันราคาขายจะต่ำลงเรื่อยๆ ขณะนี้ขายกันอยู่ราคากว่า 500 บาทต่อเครื่องแล้ว” นายสมศักดิ์ กล่าว

ล่าสุดบริษัทเตรียมเปิดตัวโฟนเล็ตรุ่น แอลจี ออปติมัส วิว บนจอขนาด 5 นิ้ว แบบ True HD IPS โดยจะเปิดตัวในงานไทยแลนด์ โมบาย เอ็กซ์โป 2012 วันที่ 4-7 ต.ค.นี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สำหรับภาพรวมตลาดโทรศัพท์มือถือปีนี้จะอยู่ที่ 14-15 ล้านเครื่อง แบ่งเป็นฟีเจอร์โฟน 75% สมาร์ตโฟน 25% ขณะที่มูลค่ายอดขายรวมอยู่ที่ 4.5 หมื่นล้านบาท โดยสมาร์ตโฟนมีส่วนแบ่ง 60% ส่วนฟีเจอร์โฟนอยู่ที่ 40% ซึ่งถึงสิ้นปีนี้บริษัทตั้งเป้าส่วนแบ่งตลาดสินค้ากลุ่มสมาร์ตโฟน 15%

อย่างไรก็ตาม การแข่งขันของตลาดโทรศัพท์มือถือในไตรมาสสุดท้ายนั้น ตลาดจะแบ่งสินค้าออกเป็น 2 กลุ่มอย่างชัดเจน โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มไฮเอนด์จะมีสีสันมากขึ้นเมื่อ ไอโฟน 5 เปิดตัว ราคาขายกว่า 2 หมื่นบาทขึ้นไป ขณะที่กลุ่มโทรศัพท์สมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ที่ราคาขายต่ำกว่า 3,000 บาทต่อเครื่องจะเริ่มเข้ามา ยิ่งจะเป็นตัวกดดันให้โทรศัพท์ประเภทฟีเจอร์โฟนมีราคาขายต่ำลง นอกจากนี้จะมีการประมูล 3จี บนคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์

“ต่อไปการทำตลาดฟีเจอร์โฟนนั้น บริษัทจะพยายามไม่อยากลงมาเล่นมาก เนื่องจากลงมาแข่งขันมากไปก็จะมีแต่เจ็บตัว หลายค่ายทำแล้วได้แต่ปริมาณ แต่ราคาขายต่ำ แต่ปัจจุบันบริษัทกลับให้ความสนใจในคุณภาพมากขึ้น จากก่อนหน้าเมื่อปี 2553 เป็นปีที่ให้ความสำคัญกับฟีเจอร์โฟน ถือว่าเป็นปีที่ยากลำบาก เพราะปรับตัวค่อนข้างช้า แต่นับจากปลายปี 2554 เราจะให้ความสำคัญกับโทรศัพท์ประเภทสมาร์ตโฟนไฮเอนด์มากขึ้น” นายสมศักดิ์ กล่าว