posttoday

สหพัฒน์เผยยอดขายมาม่าพค.-มิย.พุ่ง12%

22 กันยายน 2555

สหพัฒน์ฯ เผยคนไทยประหยัดดันยอดขายมาม่า เดือน พค.-มิย.พุ่ง 12% ยันตรึงราคาถึงสิ้นปี

สหพัฒน์ฯ เผยคนไทยประหยัดดันยอดขายมาม่า เดือน พค.-มิย.พุ่ง 12% ยันตรึงราคาถึงสิ้นปี

นายสันติ วิลาสศักดานนท์ กรรมการผู้จัดการบริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้งจำกัด (มหาชน) กล่าวถึงยอดขายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่มีมูลค่าตลาดรวมปีละประมาณ 18,000 ล้านบาทว่า เติบโตอย่างน่าพอใจ โดยในส่วนของยี่ห้อ “มาม่า” ซึ่งครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ด้วยส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 55 ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา ยอดขายเติบโตต่อเนื่องโดยเฉพาะเดือนพฤษภาคมและมิถุนายนที่ผ่านมายอดขายเติบโตถึงร้อยละ 11 และร้อยละ 12 ตามลำดับ

และล่าสุดเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ยอดขายเติบโตร้อยละ 12 นับเป็นอัตราการเติบโตที่น่าพอใจ แม้ตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถูกมองว่าถึงจุดอิ่มตัวแล้วก็ตาม สหพัฒนาฯ คาดว่าตลอดปีนี้ ยอดขายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อ มาม่า จะเติบโตต่อเนื่องจนถึงสิ้นปีมั่นใจว่า จะมียอดขายรวมเกิน 11,000 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมามียอดขายรวมประมาณ 9,200 ล้านบาท

สาเหตุหลักที่สนับสนุนให้ตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเติบโตต่อเนื่องคือ ประชาชนแม้จะมีรายได้เพิ่มขึ้น แต่ด้วยโครงการประชานิยมอย่างเช่น โครงการรถยนต์คันแรก เป็นต้น ส่งผลให้รายจ่ายเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย รายได้แม้เพิ่มก็ไม่ทันกับรายจ่ายจึงระมัดระวังประหยัดค่าใช้จ่ายประกอบกับกระแสนิยมความสะดวกสบายในการรับประทานอาหารกึ่งสำเร็จรูปเพิ่มมากขึ้นด้วยส่งผลให้ภาพรวมการจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเติบโตได้เป็นอย่างดี

ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้น บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด ผู้ผลิต "มาม่า" พร้อมที่จะเพิ่มกำลังการผลิตได้ภายใน 15 วันเพื่อรองรับกับความต้องการบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่เพิ่มขึ้นได้ ส่วนวัตถุดิบสามารถเตรียมพร้อมไว้ได้ทันการแน่นอน ทั้งนี้บริษัทมีประสบการณ์ในการเพิ่มกำลังการผลิตจากปีที่ผ่านมาที่ความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างมาก

นายสันติ ยอมรับว่า ต้นทุนการผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะแป้งสาลีที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ แต่บริษัทจะตรึงราคาขายต่อไปอาจจนถึงสิ้นปีนี้ แต่ถ้าหากต้นทุนเพิ่มขึ้นมากก็จำเป็นต้องขอปรับราคาขายในอนาคตข้างหน้า สำหรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น เช่น แป้งสาลีที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศนั้น ล่าสุด แหล่งเพาะปลูกที่แอฟริกามีปัญหาทำให้มีแนวโน้มราคาเพิ่มสูงขึ้น แต่ผู้ผลิตมาม่าทำสัญญาซื้อระยะยาวไว้ จึงสามารถตรึงราคาขายเอาไว้ได้ อย่างไรก็ตาม แต่ก็จะติดตามต้นทุนการผลิตทุกๆ เดือน หากเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปฟื้น อาจทำให้การบริโภคแป้งสาลีเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วยจะส่งผลกระทบต่อระดับราคาแป้งสาลีที่ต้องนำเข้าได้ จากที่ขณะนี้การบริโภคของประชาชนในสหรัฐและยุโรปยังอยู่ในลักษณะของการประหยัด.