"เต้น"อ้างราคายางตกเพราะโชคร้าย

"ณัฐวุฒิ"ชี้ ราคายางตกเพราะความโชคร้าย โวยสมัยปชป.จ่ายเงินถึงเกษตรช้ากว่ารัฐบาลชุดนี้ สุเทพ อัดกลับรมช.บารมีไม่พอไปเจรจาตลาดโลก

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงสถานการณ์ราคายางพาราตกต่ำระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาและหามาตรการแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำว่า รัฐบาลชุดนี้เจอกับความโชคร้ายที่เจอกับการชุมนุมทั้งที่ราคายางอยู่ที่ 90 บาทต่อกิโลกรัม ไม่เหมือนกับสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาดำรงตำแหน่งปลายปี2551พอเข้าสู่เดือนม.ค.2552 ราคายางแผ่นดินอยู่ที่ 40-60บาทต่อกิโลกรัม

"ที่สำคัญสถานการณ์ราคายางของรัฐบาลนี้กับรัฐบาลก่อนไม่เหมือนกันเพราะปี2553สหภาพยุโรปยังไม่มีปัญหาสภาวะทางเศรษฐกิจและเศรษฐกิจของจีนกำลังก้าวกระโดดราคาจึงพุ่งขึ้นสูงแต่ไม่ถึง120บาทกิโลกรัมแต่อย่างใด แต่ขณะนี้มีปัจจัยจากวิกฤติเศรษฐกิจในยุโรป"นายณัฐวุฒิ กล่าว

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า สำหรับเรื่องมาตรการแทรกแซงราคายางจำนวน 1.5 หมื่นล้านบาทและต้องให้เกษตรกรได้ราคา120บาทต่อกิโลกรัมนั้นเป็นการคาดการณ์ตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 24 ม.ค.หมายความว่ารัฐบาลจะประกาศซื้อนำราคาในตลาดไปเรื่อยๆจนบรรลุเป้าหมายโดยเริ่มต้นโครงการวันที่ 24 ม.ค.2555 - 31มี.ค.2556 ซึ่งได้จ่ายเงินให้กับเกษตรกรตั้งแต่เมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเร็วกว่ารัฐบาลในอดีตที่มีโครงการแบบเดียวกันพบว่าครม.อนุมัติโครงการในเดือนส.ค.2552 อนุมัติสินเชื่อเดือนธ.ค.แต่กว่าจะรับซื้อยางจากเกษตรกรได้ต้องรอถึงเดือนม.ค.2553

"รัฐบาลที่ผ่านมาปี2552ก็มีโครงการลักษณะนี้เช่นกันโดยครม.มีมติอนุมัติเงิน 8พันล้านบาทโดยไม่เคยประกาศราคานำให้เกษตรกรได้รับทราบไม่เหมือนกับรัฐบาลชุดนี้แต่กลับยกเลิกโครงการดังกล่าวเมื่อราคาอยู่ที่เพียงประมาณ100บาทต่อกิโลกรัมเท่านั้น"นายณัฐวุฒิกล่าว 

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ สส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การใช้เงิน 8พันล้านบาทสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ในการพยุงราคายางพาราไม่เกิดความเสียหาย สามารถยกระดับราคายางให้ดีขึ้น ไม่เหมือนกับรัฐบาลนี้ใช้เงิน 1.5 หมื่นล้านบาท แต่เกษตรกรยังขายยางไม่ได้ราคา และมีแนวโน้มตกต่ำลงทุกวัน

การที่นายณัฐวุฒิบอกว่าจะไปเจรจากับประเทศผู้ส่งออกยาง 3 ประเทศเพื่อแก้ปัญหานั้น บารมีของรัฐมนตรีคงไม่เพียงพอ เรื่องนี้ต้องให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไปหารือกับประธานาธิบดีอินโดนีเซีย นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และเวียดนามเท่านั้น และต้องไปเจรจากับประเทศผู้ซื้อรายใหญ่ทั้งจีน สหรัฐ ญี่ปุ่น ให้ยอมรับว่าการกดราคาซื้อยางพาราไม่เป็นผลดีกับอุตสาหกรรมยางในอนาคต

"รัฐมนตรีต้องไปสร้างความมั่นใจกับผู้ค้า และผู้ขายยางให้ได้ก่อนว่า มีความสามารถ และบารมีเพียงพอที่จะผลักดันราคายางให้สูงขึ้นได้ โดยให้นายกฯออกมาประกาศสนับสนุนรัฐมนตรีทุกประการ ไม่อยากให้รัฐมนตรีมาโทษอดีต โชคชะตาหรือโลก" นายสุเทพ กล่าว