posttoday

ลั่นเอ็มโพเรียม2พร้อมรบปี’57

29 สิงหาคม 2555

เดอะมอลล์ ขยายอาณาจักรค้าปลีก เปิดเฟส 2 ดิ เอ็มโพเรียมอีก 2 ปีหน้า พร้อมตั้งทีมลุยดิจิตอลมาร์เก็ตติงเต็มสูบ

เดอะมอลล์ ขยายอาณาจักรค้าปลีก เปิดเฟส 2 ดิ เอ็มโพเรียมอีก 2 ปีหน้า พร้อมตั้งทีมลุยดิจิตอลมาร์เก็ตติงเต็มสูบ

ลั่นเอ็มโพเรียม2พร้อมรบปี’57

นายชำนาญ เมธปรีชากุล ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป ผู้บริหารศูนย์การค้าเดอะมอลล์ ดิ เอ็มโพเรียม และพารากอน เปิดเผยว่า บริษัทพร้อมเปิดให้บริการโครงการศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม ส่วนต่อขยาย หรือเฟส 2 อย่างเป็นทางการในปี 2557 หรืออีก 2 ปีนับจากนี้ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้าง ซึ่งจะเชื่อมกับ ดิ เอ็มโพเรียม 1 และจะทำให้มีพื้นที่ค้าปลีกทั้งสองเฟสรวมกัน 5 แสนตารางเมตร

นอกจากนี้ บริษัทยังได้จัดตั้งทีมงานใหม่ “ดิจิตอล มาร์เก็ตติง” เมื่อ 6-7 เดือนที่ผ่านมา เพื่อดูแลการทำกิจกรรมการตลาดรูปแบบใหม่ผ่านสื่อออนไลน์ต่างๆ ทั้งหมด โดยแยกจากการทำกิจกรรมการตลาดปกติ เพื่อสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่มากขึ้น โดยเฉพาะกลยุทธ์บริหารลูกค้าสัมพันธ์ (ซีอาร์เอ็ม) และบริหารประสบการณ์ลูกค้า (ซีอีเอ็ม) ผ่านบัตรเอ็มการ์ด

ขณะเดียวกันยังเตรียมใช้งบราว 650 ล้านบาท จากงบทำตลาดรวมทั้งปี 2555 กว่า 2,000 ล้านบาท สำหรับทำตลาดผ่านบัตรสมาชิกเอ็มการ์ด และแพลทินัม การ์ด ของเดอะมอลล์ และพารากอน ผ่านกลยุทธ์การตลาด 3.0 เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายลูกค้า

ทั้งนี้ ยังใช้งบ 80 ล้านบาท ฉลองครบรอบ 3 ปี เอ็มการ์ด จัดโปรโมชันใหญ่ “เอ็มการ์ด เติร์ด แอนิเวอร์ซารี อิมพอร์ทแตนท์ เดย์” ตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค.-31 ต.ค.นี้ ในเดอะมอลล์ทุกสาขา ดิ เอ็มโพเรียม และพารากอน คาดว่าจะมียอดขายในช่วง 7 วันนี้กว่า 1,000 ล้านบาท

ปัจจุบันเอ็มการ์ดมีฐานสมาชิกกว่า 2.3 ล้านราย โดยเป็นสมาชิกที่มาใช้จ่ายอย่างต่อเนื่องราว 75% และในปีที่ 4 ของบัตรเอ็มการ์ด บริษัทเตรียมงบการตลาดราว 650-700 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นสัดส่วนเดียวกันต่อเนื่องทุกปี และคาดว่าจะมีสมาชิกบัตรเพิ่มเป็น 2.5 ล้านรายในปีนี้

ขณะที่การใช้จ่ายผ่านบัตรเอ็มการ์ดในปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 500-3,000 บาท ส่วน ดิ เอ็มโพเรียม มียอดใช้จ่ายต่อบิลประมาณ 3,000-2 หมื่นบาท ใกล้เคียงกับสยามพารากอน โดยแผนกที่ลูกค้ามีการใช้จ่ายผ่านบัตรเอ็มการ์ดมากที่สุด คือ ซูเปอร์มาร์เก็ต รองลงมา คือ บิวตีฮอลล์ และเพาเวอร์มอลล์

สำหรับผลประกอบการในครึ่งแรกปีนี้อยู่ที่ 2.4-2.5 หมื่นล้านบาท คาดทั้งปีอยู่ที่ 4.5-5 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 10% จากปัจจัยบวกต่างๆ อาทิ บรรยากาศในการจับจ่ายซื้อสินค้า การเมืองมีเสถียรภาพมากขึ้น โดยครึ่งแรกปีนี้บริษัทมียอดขายเติบโตกว่า 10% จากปีก่อน