posttoday

เอซุส G55 แรงเกินพิกัดฝันของเกมเมอร์

23 สิงหาคม 2555

ทดสอบโน้ตบุ๊กเพื่อคอเกม เอซุส G55 ที่มาพร้อมความแรงเต็มพิกัดในทุกๆด้าน

โดย...โยโมทาโร่

เป็นที่รู้กันดีสำหรับเกมเมอร์ว่า ถ้าจะหาโน้ตบุ๊กสำหรับเล่นเกมสักเครื่อง ต่างพร้อมใจกันมองไปที่แบรนด์เดียวที่สามารถทำเครื่องออกมารองรับการเล่นเกม และไม่เคยมีประวัติให้เกมเมอร์ผิดหวังก็คือ แบรนด์เอซุส ในตระกูล G ซึ่งคราวนี้ก็ถึงทีปล่อยของดีมาเต็มพิกัด ตอกย้ำความเป็นเจ้าแห่งโลกเกมเมอร์ด้วย เอซุส G55 ซึ่งเราบอกได้เลยว่าครั้งแรกที่เปิดดูสเปกเครื่องเล่นเอาตาค้างไปเลย เพราะสเปกที่ให้มานั้นเรียกได้ว่าอัดมาเต็มชนิดที่หาคู่ชกมาดวลหมัดต่อหมัดได้ยาก

สานต่อตำนานโน้ตบุ๊กสำหรับเกมเมอร์

สำหรับเกมเมอร์แล้วไม่มีอะไรที่ดีไปกว่าเครื่องที่สามารถเล่นเกมใหม่ๆ ได้ทุกเกม เล่นต้องเล่นอย่างลื่นไหลให้มากที่สุด อย่างที่พวกเกมเมอร์ชอบใช้คำว่า “ลื่นหัวแตก” นั่นหมายถึงภาพเกมที่ได้ออกมานั้นไหลลื่นไม่มีอาการภาพกระตุกหรือค้างเป็นระยะๆ เพราะนั่นอาจหมายถึงความเป็นความตายในการเล่นเกมออนไลน์ โดยเฉพาะเกมชู้ตติงซึ่งกระตุกทีนึงตัวละครในเกมของเราจะกลายเป็นเป้านิ่งให้ศัตรูสอยได้สบายๆ

ดังนั้น เอซุส G55 จึงออกแบบมาให้ทุกอย่างมีความเข้ากันได้มากที่สุดอย่างไร้อาการติดขัด ตั้งแต่หัวใจของเครื่องใช้ซีพียู อินเทล i7 3610QM เป็นซีพียูแบบ Quad Core ทำงานแบบ 4 แกน ความเร็วเริ่มต้นที่ 2.3 GHz และอัพเทอร์โบบูสต์ที่ 3.3 GHz แรมที่ให้มาก็เรียกว่าเหลือเฟือที่ 16 GB DDR3 แรมเยอะขนาดนี้นอกจากเหมาะสำหรับการเล่นเกมแล้ว ยังเหมาะสำหรับงานตัดต่อวิดีโออีกด้วย

ส่วนฮาร์ดดิสก์ก็ให้มาถึง 3 ลูก ลูกแรกเป็นฮาร์ดดิสก์ SSD ความจุ 256 GB เป็นฮาร์ดดิสก์แบบไร้แผ่น ทำให้เครื่องนี้เปิดวินโดวส์ได้เร็วมากไม่ถึง 15 วินาที เราก็เข้าสู่หน้าจอล็อกอินแล้ว ส่วนอีก 2 ลูกเป็นฮาร์ดดิสก์ธรรมดา ความจุลูกละ 500 GB รวมเป็น 1 TB มีความเร็วจานหมุนที่ 7,200 รอบต่อนาที ความจุขนาดนี้ลงเกมเล่นได้สัก 30-50 เกมน่าจะไหว เพียงแต่ตอนติดตั้งเกมต้องย้ายตำแหน่งเก็บข้อมูลไปที่ฮาร์ดดิสก์ลูกสำรอง เพราะลูกหลักมีเพียง 256 GB เท่านั้น

เอซุส G55 แรงเกินพิกัดฝันของเกมเมอร์

 

ที่ขาดไม่ได้ก็คือการ์ดจอ ก็ใช้การ์ดจอ Nvidia Geforce GTX 660M จัดอยู่ในรุ่นท็อปสุดของการ์ดจอสำหรับโน้ตบุ๊ก ซึ่งเราก็ได้ทดสอบแล้วว่าเล่นได้ไหลลื่นอย่างไร้ที่ติ และเท่าที่ทดสอบมาเราก็ไม่เคยพบอาการค้างหรือกระตุกเลยแม้แต่ครั้งเดียว แม้จะปรับสุดแล้วก็ตาม

ทุกอย่างเพื่อเกมเมอร์

ปกติแล้วเราจะต้องรีวิวการออกแบบภายนอกก่อน แต่สเปกภายในของเขาแรงจริงๆ เลยต้องยกให้คราวนี้กลับมาที่การออกแบบภายนอกกันบ้าง การออกแบบจะออกสปอร์ต ดูแล้วให้ความรู้สึกคล้ายๆ กับท้ายรถสปอร์ตของแลมโบร์กินี โดยเฉพาะช่องระบายอากาศจะเหมือนกับช่วงท้ายรถ รวมทั้งฝาเครื่องก็ดูทำมุมลาดเทเหมือนกับฝากระโปรงรถสปอร์ต ดูแล้วน่าใช้งานมาก

หน้าจอขนาด 17 นิ้ว ไวด์สกรีน ทำให้เราเล่นเกมได้เต็มตา และที่สำคัญในรุ่นนี้ยังมาพร้อมกับแว่นตา 3 มิติแบบชัตเตอร์กลาส ต้องอาศัยการกะพริบของหน้าจอ ซึ่งแว่นนี้จะทำงานก็ต่อเมื่อผู้เล่นมองที่หน้าจอเท่านั้น ถ้าหันหน้าไปทางอื่นแว่นจะหยุดทำงานชั่วคราวเพื่อเซฟแบตเตอรี่ ตรงจุดนี้เท่าที่ทำการทดสอบมา แว่นนี้สามารถเล่นได้ต่อเนื่องประมาณ 3 ชั่วโมงก็ต้องเสียบชาร์ตแล้วครับ หรือถ้าจะดูหนังก็ดูจนจบได้ 2 เรื่องพอดี โดยโปรแกรมภายในเครื่องสามารถเปลี่ยนคอนเทนต์ภาพ 2 มิติ เป็น 3 มิติได้

มองที่คีย์บอร์ดจะเป็นแบบชิกเล็ตคีย์บอร์ด ซึ่งมีให้เห็นในโน้ตบุ๊กเกือบทุกรุ่นในปัจจุบัน ข้อดีของคีย์บอร์ดแบบนี้ก็คือ เศษอาหารหล่นลงไปในซอกคีย์บอร์ดได้ยากกว่า แต่สำหรับรุ่น G55 นี้ องศาของคีย์บอร์ดยังมีความลาดเอียงเข้ากับองศามือ ทำให้เราพิมพ์งานหรือวางมือได้นานโดยไม่มีอาการปวดข้อมือ และมีแสงสว่างที่ตัวคีย์บอร์ดสำหรับการใช้งานในที่แสงน้อย

ตัวเครื่องมีพอร์ตมาตรฐานมาให้ครบเกือบทุกพอร์ต โดยเฉพาะพอร์ตที่เราใช้งานประจำก็คือ พอร์ตยูเอสบี ซึ่งคราวนี้เปลี่ยนมาใช้แบบ 3.0 ให้ถึง 4 ช่อง มีบลูเรย์ไดรฟ์ สามารถอ่านและเขียนแผ่นบลูเรย์ได้ พอร์ต HDMI สำหรับต่อจอกับโปรเจกเตอร์และจอทีวี ระบบเสียงใช้โซนิกมาสเตอร์ ให้เสียงที่ใสเคลียร์ แถมยังแอบติดซับวูฟเฟอร์เล็กเพิ่มอารมณ์ในการเล่นเกมเข้าไปอีก แต่ถ้าจะให้ดีจริงหาลำโพงนอกมาต่อดีกว่าครับ

เอซุส G55 แรงเกินพิกัดฝันของเกมเมอร์

 

ทดสอบจริง 48 ชั่วโมง

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมบิลค่าไฟเดือนนี้ผมถึงขึ้น เราทำการทดสอบความเสถียรแบบพื้นๆ ด้วยการเปิดเครื่องแปลงไฟล์ภาพยนตร์ แปลงไฟล์ภาพนิ่ง ไปพร้อมๆ กับการเล่นเกมชู้ตติง 3 มิติอย่างเกมโมเดิร์น วอร์แฟร์ 3 สลับไปกับการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน ติดต่อกัน 2 วัน เครื่องนี้ก็แทบไม่สะทกสะท้านกับการใช้งานหนักๆ เลยแม้แต่น้อย แถมโปรแกรมจัดการพลังงานภายในเครื่องค่อนข้างฉลาด แอบเปลี่ยนสถานะใช้พลังงานเอง หากพบว่าผู้ใช้ไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานาน โดยที่ยังคงประสิทธิภาพในการทำงานกับโปรแกรมที่ต้องโปรเซสไฟล์ค้างอยู่

ความร้อนที่เกิดขึ้นระหว่างใช้งานถึงจะร้อนมาก แต่ด้วยการออกแบบให้มีการระบายความร้อนออกด้านหลังเครื่อง ทำให้ที่วางมือและคีย์บอร์ดไม่รู้สึกร้อนเท่าไหร่นัก อีกอย่างหนึ่งด้วยความที่ตัวเครื่องใหญ่และมีน้ำหนักถึง 5 กิโลกรัม ก็คงไม่มีใครคิดจะเอาไปวางบนตัก ผมว่าปัญหาเรื่องความร้อนจึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับเครื่องนี้ครับ

ในการเล่นเกม เราได้ลงเกมทดสอบประมาณ 4 เกม คือ โมเดิร์น วอร์แฟร์ 4, สตรีตไฟเตอร์ วีเอส เทกเคน, เดวิล เมย์ คราย 4 และครายซิส 3 สามารถปรับสุดได้ทุกเกมครับ แต่อาจจะมีบางช่วงกระตุกอยู่บ้าง หากมียูนิตเข้ามาในเกมเยอะมากๆ แค่กลับไปปรับลดลงแค่ 1 ระดับ โดยที่ภาพยังสวยอยู่ ก็เล่นต่อได้อย่างไหลลื่นแล้ว ส่วนภาพ 3 มิติ ที่ได้จากแว่น 3 มิตินั้น ได้สร้างอารมณ์ใหม่ให้กับการเล่นเกมอย่างมาก แม้จะเป็นเกมเดิมที่เล่นจนชิน แต่เราก็รู้สึกอินไปกับเกมมากขึ้น เหมือนกับเข้าไปอยู่ในสถานที่นั้นจริงๆ นับว่าน่าสนใจมากครับ

เครื่องนี้ทำออกมาได้ดีมาก ทั้งสเปกภายในที่ออกแบบอย่างไม่มีจุดติดขัดว่าซีพียูน้อยเกินไปหรือแรมน้อยไป การ์ดจอสเปกไม่แรงพอ แต่ทุกอย่างให้มาแบบเต็มๆ โดยคำนึงถึงการใช้งานของเกมเมอร์เป็นหลัก หากเป็นรุ่น G55 ที่เราทดสอบ ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 6.7 หมื่นบาท ส่วนรุ่น G75 ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 7.3 หมื่นบาท โดยเพิ่มแรมกับฮาร์ดดิสก์ และแว่น 3 มิติมาให้ ราคาต่างกันประมาณ 6,000 บาท แต่ก็ได้ของกลับมาเยอะเหมือนกัน แต่ถ้าถามว่าเอาไปใช้งานพวกตัดต่อวิดีโอหรือทำภาพนิ่งได้ไหม ก็ขอตอบว่าได้ แต่ถ้าทำงานกราฟฟิกควรหาเครื่องที่ใช้จอภาพแบบ IPS ซึ่งเป็นหัวใจของการตกแต่งภาพไม่น้อยกว่าเรื่องสเปกเครื่อง

แต่สำหรับเกมเมอร์แล้ว ไม่ว่าจะเลือก G55 หรือ G75 ต่างก็ดีทั้งคู่สำหรับการเล่นเกม ราคาค่อนข้างสูงขนาดซื้อโน้ตบุ๊กดีๆ ได้ 2 เครื่อง แต่ถ้าใจรักการเล่นเกมแล้ว นี่คือเครื่องเชิดหน้าชูตาที่เกมเมอร์ทุกคนอยากได้ไว้ครอบครอง