posttoday

สภาหอฯยก1ปีรัฐดูแลค่าครองชีพได้ดี

23 สิงหาคม 2555

หอการค้าประเมินผลงานรัฐบาลดูแลค่าครองชีพประชาชนได้ดี ส่งออกประคองตัวได้ แต่ห่วงการป้องกันน้ำท่วม

หอการค้าประเมินผลงานรัฐบาลดูแลค่าครองชีพประชาชนได้ดี ส่งออกประคองตัวได้ แต่ห่วงการป้องกันน้ำท่วม

สภาหอฯยก1ปีรัฐดูแลค่าครองชีพได้ดี

นายพงษ์ศักดิ์ อัสสกุล ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การทำงานของรัฐบาลในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาถือว่าถือว่าดีพอสมควร การแก้ปัญหาเศรษฐกิจในประเทศอยู่ในระดับที่ดี โดยเฉพาะการดูแลค่าครองชีพของประชาชน และขณะนี้ก็ค่อยๆ ผ่อนคลายการตรึงราคาต่างๆ ให้กลับเข้าสู่กลไกตลาด ขณะที่ปัญหาการส่งออกเป็นผลมาจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่ยืดเยื้อ ไม่ได้เกิดขึ้นจากการกระทำของไทยเอง ดังนั้นไทยจึงต้องหันพึ่งพาตลาดอาเซียนมากขึ้น

ทั้งนี้ การปรับตัวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 กลุ่มผู้ประกอบการเขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ยังต้องการความช่วยเหลือ และสนับสนุนจากภาครัฐ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยรัฐบาลต้องพยายามสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้าน และปรับปรุงด้านการศึกษาของไทยให้พร้อมต่อการเข้าสู่เออีซี 

ขณะที่การปรับขึ้นคาแรง 300 บาท ที่จะปรับขึ้นเท่ากับทั่งประเทศในวันที่ 1 ม.ค. 2556 จะส่งผลกระทบต่อเอสเอ็มอีค่อนข้างมาก ทำให้ต้องมีการยกระดับประสิทธิภาพแรงงาน เพื่อให้การผลิตมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นคุ้มกับค่าแรงที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งในส่วนนี้หากรัฐบาลสามารถเข้ามาช่วยเหลือเอสเอ็มอีได้ก็จะช่วยลดภาระให้กับผู้ประกอบการและเป็นการช่วยเพิ่มขี้ความสามารถในการแข่งขันด้วย

ด้านผลงานการดูแลป้องกันน้ำท่วม ยังเป็นสิ่งที่ภาคเอกชนเป็นห่วง เนื่องจากในปีที่ผ่านมาน้ำท่วมสร้างความเสียหายให้กับภาคธุรกิจมาก ในปีนี้จึงต้องมีการป้องกันให้ดี มีมาตรการที่ชัดเจน และต้องแจ้งสถานการณ์ให้กับนักธุรกิจและภาคประชาชนได้รับรู้ความเคลื่อนไหว เพื่อสร้างความเชื่อมั่น

นอกจากนี้ สิ่งที่ภาคเอกชนยังไม่พอใจ คือความตั้งใจในการแก้ปัญหาคอร์รัปชั่นของรัฐบาล ที่ ถือว่ายังดำเนินการได้ไม่เพียงพอ และต้องทำให้มากขึ้นกว่านี้

ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรมเตรียมรวบรวมผลงานของกระทรวงอุตสาหกรรมภายใน 1 ปีที่ผ่านมา เพื่อนำเสนอต่อรัฐบาล โดยผลงานส่วนใหญ่จะอยู่ที่การดูแล ช่วยเหลือ และฟื้นฟูผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมต่อเนื่องมากจากปีก่อน โดยกระทรวงได้ออกมาตรการช่วยเหลือต่างๆ เช่น ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ผู้ประกอบการในการฟื้นฟูกิจการ จัดตั้งคลินิกอุตสาหกรรม เพื่อช่วยเหลือและให้คำปรึกษาแก่เอสเอ็มอี รวมถึงการสนับสนุนการสร้างแนวป้องกันน้ำถาวรให้กับนิคมอุตสาหกรรมต่าง เพื่อป้องกันและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ส่งผลให้ผู้ประกอบการฟื้นตัวกลับมาได้อย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ การส่งเสริมการลงทุนของกระทรวงอุตสาหกรรมในเชิงรุก ยังส่งผลให้ยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 6.3 แสนล้านบาท โดยสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้เป็นอย่างดี แม้ว่าจะประสบกับปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ รวมถึงกระทรวงอุตสาหกรรมยังได้วางโรดแมพเตรียมความพร้อมเอสเอ็มอีเพื่อเข้าสู่เออีซี จากเดิมที่ไม่เคยทำมาก่อน