posttoday

กสท.ไฟเขียวทีวีพูลยิงสดเตือนภัยฉุกเฉิน

15 สิงหาคม 2555

กสท.เตรียมพร้อมแผนรับมือภัยพิบัติ ไฟเขียวทีวีพูลตัดถ่ายทอดสดฉุกเฉินทันที ไม่ต้องรออนุมัติ

กสท.เตรียมพร้อมแผนรับมือภัยพิบัติ ไฟเขียวทีวีพูลตัดถ่ายทอดสดฉุกเฉินทันที  ไม่ต้องรออนุมัติ

น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ หรือ กสท. เปิดเผยว่า เพื่อเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติหรือเหตุฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นกะทันหัน กสท. อนุญาตให้โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย หรือ ทีวีพูล มีอำนาจตัดสินใจเพื่อตัดเข้าการรายงานสดหากมีเหตุการณ์เร่งด่วนโดยไม่ต้องรออนุมัติจาก กสท. แบบที่ผ่านมาอีก

ทั้งนี้ ตามร่างประกาศ  เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธ๊การปฏิบัติงานของผู้ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ในกรณีเกิดภัยพิบัติหรือเหตุการณ์ฉุกเฉิน กำหนดให้ประธานทีวีพูลมีอำนาจในการตัดสินใจทันทีเมื่อได้รับข้อมูลเตือนภัยจากหน่วยงานรัฐบาล เช่น ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ หรือ กรมอุตุนิยมวิทยา แต่ขณะนี้ร่างดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการเปิดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะและรอประกาศในราชกิจจานุเบกษา  ดังนั้น ระหว่างนี้ หากมีเหตุการณ์ฉุกเฉินให้ยึดหลักปฏิบัติตามประกาศฉบับนี้ได้ทันที

สำหรับร่างประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมผู้ประกอบกิจการทั้งวิทยุและโทรทัศน์ให้มีแนวทางปฏิบัติทั้งก่อนเกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุ และ หลังเกิดเหตุ ว่าควรจะต้องดำเนินการอย่างไร หลังจากกรณีเตือนภัยสึนามิเมื่อวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา และเป็นประเด็นถกเถียงกันว่าสาเหตุที่ไม่สามารถตัดเข้าสัญญาณถ่ายทอดสดการเตือนภัยได้นั้น เพราะต้องรอการอนุมัติจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และ กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ก่อน

“แม้กสท.จะกำหนดให้ทีวีพูลต้องส่แผนการเปลี่ยนแปลงผังรายการล่วงหน้า 15 วัน แต่กรณีภัยพิบัตินี้ไม่จำเป็น แต่ขอให้ทางทีวีพูลร่วมกันทำแผนการรองรับหากเกิดภัยพิบัติว่าจะดำเนินการอย่างไร เพื่อเตรียมความพร้อมให้มากที่สุด” น.ส.สุภิญญากล่าว 

นอกจากนี้ ประกาศฉบับนี้ยังรวมถึงสื่อใหม่ คือ เคเบิลทีวี และ ทีวีดาวเทียม ที่จะต้องร่วมกันปฎิบัติและมีวิธีแจ้งการเตือนภัยครอบคลุมทุกรูปแบบ เช่น ตัววิ่ง  ภาษามือ สัญญาณไฟกระพริบ สำหรับโทรทัศน์ หรือ เพลงพิเศษ สำหรับวิทยุ เพื่อให้ผู้ชมและผู้ฟังรับทราบว่ามีเหตุการณ์ไม่ปกติเกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม กสท.จะเปิดรับฟังความเห็นประกาศดังกล่าวครั้งสุดท้ายวันที่ 23 ส.ค. เพื่อให้ผู้ประกอบกิจการที่เกี่ยวข้องทุกรายได้รับทราบถึงรายละเอียดต่างๆ พร้อมกัน