posttoday

รัฐยึกยักเลิกคุมสินค้า

29 กรกฎาคม 2555

พาณิชย์ ยื้อ เคาะเลิกตรึงราคาสินค้าหลังครบกำหนด 30 ก.ย. อ้างเสียงประชาชนร้องขอให้ตรึงราคาต่อ

พาณิชย์ ยื้อ เคาะเลิกตรึงราคาสินค้าหลังครบกำหนด 30 ก.ย. อ้างเสียงประชาชนร้องขอให้ตรึงราคาต่อ

รัฐยึกยักเลิกคุมสินค้า

นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า เรื่องการต่ออายุมาตรการตรึงราคาสินค้าที่กระทรวงพาณิชย์ขอความร่วมมือผู้ผลิตสินค้าทุกกลุ่มให้ตรึงราคา 4 เดือน ซึ่งจะสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.นี้ เดิมกระทรวงมีแนวคิดหลังครบกำหนดเวลาจะยกเลิกการตรึงราคา แต่หากฟังจากเสียงประชาชน ปรากฏว่ายังต้องการให้คงมาตรการนี้ไว้ เพื่อป้องกันสินค้าขยับราคาอีก

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ราคาสินค้าในปัจจุบันถือว่าทรงตัว ยังไม่มีรายการสินค้ากลุ่มใดมาขอปรับขึ้นราคา แม้ว่ากระทรวงจะเปิดช่องให้สินค้าที่มีภาระต้นทุนเพิ่มขึ้นเข้ามาขอก็ตาม ซึ่งเป็นผลมาจากการแข่งขันในตลาดที่ค่อนข้างรุนแรง

ทั้งนี้ คงต้องติดตามการปรับขึ้นราคาพลังงานทั้งก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ว่า นโยบายการปรับขึ้นจะได้ข้อสรุปอย่างไร หากมีการปรับขึ้นราคาก็อาจจะส่งผลกระทบต่อการผลิตสินค้าเล็กน้อย เชื่อว่ากระทรวงจะดูแลราคาสินค้าได้

แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้กระทรวงได้ศึกษาผลกระทบการปรับขึ้นราคาแอลพีจี โดยภาคครัวเรือนมีการใช้ก๊าซหุงต้มคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 54.36% ของปริมาณการใช้ก๊าซหุงต้มทั้งหมดต่อเดือนที่ 244|ล้าน กก. ภาคขนส่ง 19.69% หรือ 88.5 ล้าน กก. ปิโตรเคมี 14.71% ปริมาณ 66.11 ล้าน กก. อุตสาห กรรม 11.24% ปริมาณ 50.54ล้าน กก. รวม 449.60 ล้าน กก.ต่อเดือน

ผลการศึกษายังพบว่า หากรัฐบาลปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม กก. ละ 1 บาท และครัวเรือนใช้ก๊าซหุงต้มขนาด 15 กก./ถัง จะทำให้ครัวเรือนมีรายจ่ายต่อเดือนเพิ่มขึ้นเพียง 15 บาท หากขึ้น 6 บาท ค่าใช้จ่ายเพิ่ม 90 บาท และเพิ่ม 7 บาทค่าใช้จ่ายเพิ่ม 105 บาท

สำหรับผลกระทบต่ออาหารสำเร็จรูปนั้น ก๊าซ 1 ถัง (15 กก.) จะใช้ทำอาหารสำเร็จรูปได้ 300 จาน ก๊าซขึ้น 1 บาท ต้นทุนขึ้นจานละ 0.0375 บาท ก๊าซขึ้น 6 บาท ต้นทุนขึ้น 0.2250 บาท และก๊าซขึ้น 7 บาท ต้นทุนขึ้น 0.2625 บาท คาดว่ารัฐบาลจะขึ้นราคาแอลพีจีภาคขนส่งและอุตสาหกรรมก่อน และครัวเรือนอาจขึ้นต้นปีหน้า