posttoday

โต้งยอมรถคันแรกซื้อปีนี้รับปีหน้า

23 กรกฎาคม 2555

ชง ครม.ขยายเงื่อนไขรถคันแรกจองซื้อภายใน ธ.ค. สามารถรับรถยนต์ได้อย่างไม่มีกำหนด

ชง ครม.ขยายเงื่อนไขรถคันแรกจองซื้อภายใน ธ.ค. สามารถรับรถยนต์ได้อย่างไม่มีกำหนด

โต้งยอมรถคันแรกซื้อปีนี้รับปีหน้า

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 24 ก.ค.นี้ หรืออย่างช้าวันอังคารที่ 31 ก.ค. กระทรวงการคลังเตรียมเสนอให้ที่ประชุม ครม. เห็นชอบปรับปรุงเงื่อนไขโครงการคืนเงินรถยนต์คันแรกไม่เกิน 1 แสนบาท สำหรับรถยนต์ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท

ทั้งนี้ จะให้สิทธิเฉพาะผู้จองซื้อรถยนต์ภายในวันที่ 31 ธ.ค. 2555 ที่จะมีสิทธิเข้าร่วมโครงการ จากเดิมที่กำหนดต้องรับรถยนต์ภายในวันที่ 31 ธ.ค. 2555 โดยในการรับรถยนต์ตามเงื่อนไขใหม่ที่จะขยายให้นี้จะไม่จำกัดเวลารับรถยนต์ จากเดิมที่เคยมีข้อเสนอว่าควรรับรถภายใน 3-6 เดือน แต่คิดว่าผู้ซื้อที่ซื้อรถยนต์อยากได้รถเร็วอยู่แล้ว ส่วนผู้ผลิตรถยนต์เองได้เร่งกระบวนการผลิตเพื่อให้ทันกับความต้องการ ดังนั้นไม่ควรไปจำกัดเวลาในการรับรถยนต์

การผ่อนปรนมาตรการดังกล่าว เนื่องจากช่วงปลายปี 2554 เกิดปัญหาน้ำท่วมใหญ่ในไทย ทำให้การผลิตรถยนต์ต้องชะงักลง แม้ว่าขณะนี้การผลิตรถยนต์กลับสู่ภาวะปกติ แต่ยังผลิตไม่ทันกับความต้องการของประชาชน และมีรถยนต์หลายรุ่นมียอดจองจำนวนมาก ทำให้การรับรถยนต์ของประชาชนที่ต้องการเข้าร่วมโครงการรถยนต์คันแรกมีปัญหา หากกำหนดเวลารับรถว่าต้องภายในสิ้นปี 2555

ดังนั้น กระทรวงการคลังเห็นควรขยายเวลารับรถยนต์ออกไป คงต้องรอผลสรุปจากการประชุม ครม.อีกครั้งว่าจะไม่จำกัดเวลา หรือต้องกำหนดว่ากี่เดือน

นอกจากนี้ เตรียมจะเสนอให้ขยายเวลาลดภาษีน้ำมันดีเซลเหลือ 0.005 บาท/ลิตร ออกไปอีก 1 เดือน จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 31 ก.ค. เป็น 31 ส.ค.นี้

นายกิตติรัตน์ ยังได้กล่าวภายหลังจากเดินทางตรวจด่านศุลกากรตามแนวชายแดนในจังหวัดภาคใต้ เมื่อวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา ว่า จำเป็นต้องขยายพื้นที่เพื่อก่อสร้างด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ บนพื้นที่ 661 ไร่ วงเงินลงทุนประมาณ 650 ล้านบาท คาดว่าจะเดินหน้าก่อสร้างได้ เพราะเงินชดเชยให้กับชาวบ้านต้องการผ่านเงินลงทุนจากรัฐบาล ไม่ต้องดึงมาจากงบประมาณประจำ เพราะจะเกิดความล่าช้า โครงการไม่เดินหน้า

การพัฒนาปรับปรุงด่านการค้าในภาคใต้ มีทั้งด่านสะเดา ด่านปาดังเบซาร์ รวมทั้งท่าเรือน้ำลึกระนอง ยังมีความจำเป็นที่จะต้องเร่งพัฒนาควบคู่ไปกับโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เพื่อรองรับการค้ากับมาเลเซีย ทั้งระบบรถไฟรางคู่ การสร้างทางมอเตอร์เวย์จากหาดใหญ่-ด่านสะเดา และการขยายเส้นทางจากถนนเพชรเกษมมายังท่าเรือน้ำลึกระนอง ระยะทาง 130 กิโลเมตร เพื่อรองรับการค้ากับพม่าด้านเกาะสอง และการเชื่อมโยงเส้นทางจากกรุงเทพฯ-กาญจนบุรี รองรับการสร้างท่าเรือน้ำลึกทวาย ซึ่งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ จะใช้เงินจากวงเงินลงทุน 1.6-2 ล้านล้านบาท