ร้องวุฒิฯสอบกรมศุลปรับราคานำเข้ารถสูงเกิน

เอกชนร้องวุฒิฯสอบกรมศุล เหตุปรับราคานำเข้ารถสูงเกิน เผย เพิ่มพุ่งสูง 20 % กระทบลูกค้า

นายอภิชาติ สมรพิทักษ์กุล กรรมการสมาคมผู้ประกอบการรถนำเข้า พร้อมตัวแทนนักธุรกิจนำเข้ารถยนต์ เข้ายื่นเรื่องร้องเรียนต่อนายวิทวัส บุญญสถิตย์ สว.สรรหา ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การเงิน การคลัง การธนาคารและสถาบันการเงินวุฒิสภา เพื่อขอให้ตรวจสอบและแก้ไขปัญหา ในกรณีที่กรมศุลกากร ปรับราคาประเมินสินค้าโดยไม่ได้แจ้งให้ผู้ประกอบการได้รับทราบเพื่อเตรียมตัว ทำให้เกิดความเสียหายต่อธุรกิจหลายร้อยล้านบาทจากราคาต้นทุนที่สูงขึ้น

นายอภิชาติ กล่าวว่า ตั้งแต่พ.ย. 2554 ถึงมี.ค. 2555 กรมศุลกากรได้ปรับอัตราคาประเมินสินค้าถึง 3 ครั้ง โดยเฉลี่ย ครั้งละ 7 % รวมเป็นมูลค่าที่ปรับเพิ่ม 20 % ทำให้ภาคธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ต้องได้รับความเดือดร้อน และคิดเป็นมูลค่าความเสียหายหลักร้อยล้านบาทในแต่ละครั้งที่มีการปรับอัตราราคาประเมิน อย่างไรก็ตามการปรับเพิ่มอัตราประเมินราคาดังกล่าวทางกรมศุลกากรไม่ได้มีการแจ้งให้ผู้ประกอบการทราบล่วงหน้า ทำให้ผู้ประกอบการมีปัญหากับผู้ที่สั่งจองสินค้าในเรื่องของราคาขายรถยนต์

“รถยนต์ที่นำเข้ามามีราคาเฉลี่ยคันละ 3 ล้านบาทขึ้นไป โดยปกติต้องมีการเสียภาษีคันละ 1 ล้านบาท แต่เมื่อมีการปรับราคาประเมินสินค้าใหม่ ทำให้ต้องเสียภาษีเพิ่มอีก 2 แสนบาทรวมเป็นเงินที่ต้องเสียภาษี 1.2 ล้านบาท  ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการต้องมีปัญหากับผู้บริโภคและกระทบความน่าเชื่อถือ เนื่องจากราคาตามใบจอง หรือ ใบสั่งซื้อก่อนหน้าเป็นอีกราคาหนึ่ง แต่เมื่อมีการปรับอัตราประเมินสินค้าใหม่ ราคาของรถยนต์จะมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งประเด็นนี้ทำให้เกิดผลเสียหายต่อภาคธุรกิจอย่างรุนแรง โดยที่ผ่านมารัฐบาลไม่เคยมาดูแลและแก้ไขปัญหาใดๆ ให้ ทั้งที่ภาคธุรกิจนำเข้ารถยนต์ สร้างรายได้ให้กับประเทศ ถึงปีละหมื่นล้านบาท”นายอภิชาติกล่าว

นายอภิชาติ กล่าวต่อว่าจากปัญหาดังกล่าว ทางกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจ ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนและขอความเป็นธรรมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกระทรวงการคลัง ถึง 2 ครั้ง แต่ไม่ได้รับการแก้ไขให้ อย่างไรก็ตามภายหลังจากที่กรมศุลกากรได้ปรับราคาประเมิน เคยแจ้งให้ตัวแทนผู้ประกอบการหารือ โดยกรมศุลกากร ระบุว่า ราคาที่ประเมินไว้เดิมต่ำเกินไปจึงขอเปลี่ยนแปลง ในเบื้องต้นทางผู้ประกอบการไม่ได้ปฏิเสธ แต่การปรับราคาประเมินอย่างต่อเนื่อง ภายในระยะเวลาไม่กี่เดือน และไม่ได้แจ้งให้ผู้ประกอบธุรกิจทราบเพื่อเตรียมตัว จึงถือว่าเป็นให้ความเป็นธรรมกับผู้ประกอบธุรกิจ

ขณะที่นายวิทวัส กล่าวว่า ทางกมธ.ฯ จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง เพื่อหาข้อเท็จจริงต่อไป