posttoday

เผยยอดเอฟดีไอ6เดือนพุ่ง

17 กรกฎาคม 2555

ยอดเอฟดีไอครึ่งปีแรกพุ่งนักลงทุนต่างชาติสนใจเข้าลงทุน 692 โครงการ มูลค่า 2.78 แสนล้านบาท

ยอดเอฟดีไอครึ่งปีแรกพุ่งนักลงทุนต่างชาติสนใจเข้าลงทุน 692 โครงการ มูลค่า 2.78 แสนล้านบาท

นางอรรชกา สีบุญเรือง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ภาพรวมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (เอฟดีไอ) ช่วง 6 เดือน (ม.ค.-มิ.ย. 2555) มีนักลงทุนต่างชาติ ให้ความสนใจยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น โดยมีจำนวนโครงการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนทั้งสิ้น 692 โครงการ เงินลงทุน 2.78 แสนล้านบาท จำนวนโครงการขยายตัว 32.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี 522 โครงการ ขณะที่มูลค่าเงินลงทุนขยายตัว 66.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่าอยู่ที่ 1.67 แสนล้านบาท

“เป้าหมายของการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 ทำให้ทุกประเทศในอาเซียน ให้ความสำคัญกับการดึงการลงทุนจากต่างประเทศมากขึ้น ทั้งนี้ทิศทางของการลงทุนจากต่างประเทศในไทยที่มีการขยายตัวในช่วงครึ่งปีแรก จะยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่าประเทศไทยยังได้รับความสนใจต่อการเป็นแหล่งลงทุนที่สำคัญในภูมิภาค  และเชื่อมั่นว่าทิศทางดังกล่าวจะต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี ซึ่งจะทำให้ยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนรวมปีนี้เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 6.3 แสนล้านบาท” นางอรรชกา กล่าว  

ทั้งนี้ กิจการที่ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนส่วนใหญ่ หรือ 59% จากจำนวนโครงการที่ขอรับส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติทั้งหมด เป็นการขอขยายการลงทุนจากโครงการเดิม โดยมีจำนวน 409 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 1.85 แสนล้านบาท  ส่วนที่เหลือหรือประมาณ 41% เป็นการลงทุนของกิจการใหม่ จำนวน 283 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 9.29 หมื่นล้านบาท 

สำหรับโครงการที่ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุน กระจายอยู่ในการลงทุนขนาดกลางและขนาดเล็ก  รวมถึงการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ที่มีเงินลงทุนตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป โดยมีกิจการขนาดใหญ่ ที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนแล้ว 36 โครงการ เช่น กิจการขนส่งทางอากาศ ของบริษัท การบินไทย กิจการผลิตเหล็กทรงแบนของบริษัท นิปปอน สตีล กัลวาไนซิ่ง (ประเทศไทย) กิจการผลิตสิ่งปรุงแต่งอาหารของบริษัท เอฟเอ็มซี เคมิคัล (ประเทศไทย) กิจการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ของบริษัท พานาโซนิค แมนูแฟคเจอริ่ง เป็นต้น 

ประเทศที่เข้ามาลงทุนในไทยมีมูลค่าสูงสุด ได้แก่ ประเทศญี่ปุ่น มีจำนวน 389  โครงการ เงินลงทุนรม 1.76 แสนล้านบาท มูลค่าเงินลงทุนเพิ่มขึ้นถึง 144% สิงคโปร์ มีจำนวน 69 โครงการ เงินลงทุน 1.8 หมื่นล้านบาท มูลค่าเพิ่มขึ้น 9% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และมาเลเซียมีจำนวน 17 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 1.13 หมื่นล้านบาท มูลค่าเพิ่มขึ้น156% จากช่วงเดียวกันปีก่อน  

ขณะที่อุตสาหกรรมที่ได้รับความสนใจยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนสูงสุด ได้แก่  ผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่ง 240 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 1.08 แสนล้านบาท รองมาเป็น อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า 134 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 5.96 หมื่นล้านบาท กิจการบริการและสาธารณูปโภค 130 โครงการ เงินลงทุน 4.27 หมื่นล้านบาท กิจการเคมีภัณฑ์ กระดาษ และพลาสติก 97 โครงการ เงินลงทุน 2.73 หมื่นล้านบาท  กิจการเกษตรกรรมและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร 38 โครงการ เงินลงทุน 1.77 หมื่นล้านบาท เป็นต้น