posttoday

เอสพีซีจีเล็งร่วมทุนญี่ปุ่นผลิตกระแสไฟฟ้า

06 กรกฎาคม 2555

พลังงานแสงอาทิตย์อนาคตสดใสเอสพีซีจีเตรียมจับมือญี่ปุ่นลงทุนผลิตกระแสไฟฟ้าขยายการลงทุนในพม่า

พลังงานแสงอาทิตย์อนาคตสดใสเอสพีซีจีเตรียมจับมือญี่ปุ่นลงทุนผลิตกระแสไฟฟ้าขยายการลงทุนในพม่า

เอสพีซีจีเล็งร่วมทุนญี่ปุ่นผลิตกระแสไฟฟ้า

น.ส.วันดี กุญชรยาคง ประธานกรรมการ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน)  กล่าวบนเวที “ทิศทางพลังงานแห่งอนาคต ทางลบหรือทางเลือก” จัดโดยสถาบันวิทยาการพลังงาน (วพน.) ว่า จากนโยบายของภาครัฐที่พยายามสนับสนุนการหาพลังงานทดแทนเพื่อนำมาใช้แทนพลังงานในปัจจุบันที่ค่อยๆหมดไป โดยเมื่อประมาณปี 2551 ภาครัฐได้ประกาศฉบับแรกในการให้อัตราส่วนเพิ่มกับผู้ผลิตไฟฟ้าที่มาจากพลังงานหมุนเวียน โดยขณะนั้นได้ให้แอดเดอร์ 8 บาทเป็นเวลา 7 ปีให้แก่ทุกเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นไบโอแก๊ส ไบโอแมส ลม

แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากมีความผูกพันกับการทำเรื่องพลังงานแสงอาทิตย์ จึงได้ทำการศึกษาและพัฒนาเรื่องนี้อย่างจริงจัง ทั้งนี้ความต่างของการผลิตไฟฟ้ากับการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์จะมีอยู่ด้วยกัน 2 รูปแบบ ได้แก่ การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่เปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานความร้อน (Termal) และแบบที่สองคือในส่วนของเอสพีซีจีจะเป็นการเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์ให้เป็นพลังงานไฟฟ้าโดยตรง  ด้วยวิธีการผ่านแผงเซลล์แสงอาทิตย์ ในขณะนั้นแม้รัฐบาลได้ออกนโยบายสนับสนุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ แต่ก็ยังไม่มีผู้ริเริ่มโครงการในเชิงพาณิชย์เลย ตนจึงได้มีการศึกษาอย่างจริงจังและพัฒนาก่อนนำไปสู่ Business Model
               
การดำเนินงานด้านน้าเรื่องการหา Partner หรือผู้ร่วมลงทุน รวมถึงแหล่งเงินทุนจากแหล่งต่างๆนับว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก โดยเอสพีซีจีมีสัญญาซื้อขายกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) จำนวน 34 โครงการมีมูลค่าการลงทุนประมาณ 24,000 ล้านบาทซึ่งจะพัฒนาให้แล้วเสร็จในปี 2556
           
น.ส.วันดี กล่าวด้วยว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน  ที่มีสมาชิก 10 ประเทศ และมีประชากรรวมทั้งสิ้นมากกว่า 600 ล้านคน  และในอนาคตมีแนวโน้มประชากรเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ปัจจัยพลังงานเป็นสิ่งที่สำคัญในการดำรงชีพในทุกภาคส่วนมีปริมาณจำกัด 

ขณะเดียวกันประเทศญี่ปุ่นได้ลดการใช้นิวเคลียร์ลงและพยายามหาพลังงานทางเลือกอื่นมาทดแทน ซึ่งเวลานี้รัฐบาลญี่ปุ่นได้ประกาศถึงความต้องการในการติดตั้งโซล่าฟาร์มหรือการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ผลิตกระแสไฟฟ้าให้แล้วเสร็จในปี 2013  จำนวน 5,000 เมกะวัตต์  ซึ่งเอสพีซีจีมีความสนใจที่จะเข้าไปร่วมพัฒนา โดยจะชักชวนบริษัทในคู่ค้าและร่วมกับธนาคารท้องถิ่นของญี่ปุ่น 

นอกจากนี้ยังได้มีการหารือกับทางประเทศเมียร์ โดยเมืองย่างกุ้งมีการสนใจผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จำนวน 1,000 เมกะวัตต์ และเมืองมัณฑะเลย์มีความสนใจอีก 200 เมกะวัตต์ โดยทางเอสพีซีจีเตรียมที่จะไปดูงานศึกษาการลงทุนในเดือนสิงหาคม