posttoday

1,700 กิโลเมตร กับ อีซูซุ ดีแมคซ์ ใหม่

04 กรกฎาคม 2555

พิสูจน์ กระบะยอดนิยม ความท้าทายที่คุ้มค่า

ในที่สุด ก็ได้ทดลองขับ รถกระบะอีซูซุ รถกระบะยอดนิยมของคนไทย ที่กว่าจะได้ลองขับครั้งนี้ ขอบอกว่าต้องร้องเพลงรอกันไม่น้อยทีเดียวครับ เพราะเจ้าดีแมคซ์ ใหม่ นี้เปิดตัวไปตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา แต่ผมเชื่อว่า ไม่ช้าเกินไปแน่ๆ สำหรับแฟนกระบะอีซูซุ ที่อยากรู้ว่ารถคันนี้ "มีดี" อย่างไร

นิธิ ท้วมประถม

 

1,700 กิโลเมตร กับ อีซูซุ ดีแมคซ์ ใหม่ ขบวนคาราวาน อีซูซู ดีแมคซ์ ใหม่

มีไม่กี่ครั้งครับ ที่ผมจะมีโอกาสได้ลองขับรถกระบะอีซูซุ อย่างเต็มรูปแบบเท่ากับครั้งนี้ เพราะต้องบินข้ามน้ำข้ามทะเล ไปขับ อีซูซุ ดีแมคซ์ ใหม่ ไกลถึงประเทศจีน ที่เมืองคุนหมิง ไปจนถึง จางเจี่บเจี้ย ด้วยระยะทางกว่า 1,700 กิโลเมตร ใช้เวลาบนเบาะรถนานกว่า 3 วัน ทำให้ผมค่อนข้างมั่นใจว่า "รู้จัก" เจ้าอีซูซุ ดีแมกซ์ ใหม่ นี้ดีพอสมควรเลยทีเดียว

จะว่าไปแล้ว ดีแมคซ์ ใหม่ หรือ ที่ทาง บริษัทตรีเพชร อีซูซุเซลส์ บอกว่ารุ่น "ใหม่หมด" ซึ่งก็ต้องว่าแบบนั้นครับ เพราะเจ้า ดีแมคซ์ ใหม่นี้ ถือว่าเป็นรุ่น โมเดลเชนจ์ หรือ เปลี่ยนโฉมกันเลยทีเดียว

สำหรับ กระบะ ดีแมคซ์ ใหม่นี้ ทางอีซูซุ ยังคงความร่วมมือกับ จีเอ็ม (เจนเนอรัล มอเตอร์) ที่จะแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีบางตัวระหว่าง กระบะดีแมคซ์ กับ เชฟโรเลต โคโลราโด เช่นเดียวกับดีแมคซ์ รุ่นเก่า

 

1,700 กิโลเมตร กับ อีซูซุ ดีแมคซ์ ใหม่

และในความร่วมมือครั้งนี้ ทำให้ อีซูซุ ดีแมคซ์ มีความเหมือนกับ เชฟโรเลต โคโลราโด ในส่วนของแผงคอนโซลหน้าทั้งหมด ทำให้เมื่อก้าวเข้าไปนั่งข้างในดีแมคซ์ แล้วก็เหมือนกับ นั่งในโคโลราโด ครับ แต่ในเรื่องของเครื่องยนต์นั้น ต้องบอกว่า ของใครของมันแล้ว โดยอีซูซุ ยังยึดมั่นกับเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร ที่ขึ้นชื่อลือชา ในเรื่องของความประหยัดน้ำมัน อย่างดีเยี่ยม และการลองขับครั้งนี้ ก็ยืนยันได้เช่นกัน

ขณะที่ เชฟโรเลต นั้นไปพัฒนาเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.8 ลิตร ของตัวเองขึ้นมา เช่นกัน

มาเข้าเรื่องกันดีกว่าครับ การลองขับครั้งนี้ ค่อนข้างจะได้ใช้ความเร็วในทุกย่านความเร็ว และการขับในทุกแบบ เว้นแต่ออฟโรด เท่านั้นที่ไม่มีโอกาสได้ลอง แต่ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว

สำหรับเพื่อนร่วมทางที่ผมใช้เดินทางตลอด 1700 กิโลเมตร นั้นคือ อีซูซุ ดีแมคซ์ ไฮเลนเดอร์ 4 ประตู ใหม่ หรือกระบะยกสูง 4 ประตู ซึ่งเป็นรุ่นยอดฮิต ในขณะนี้ครับ ก็จะไม่ยอดฮิตยังไงละครับ เพราะยอดแบ็คออเดอร​์ หรือ ยอดค้างส่งมอบรถรุ่นนี้ทะลุไปปีหน้าเรียบร้อยแล้ว เรียกว่ารอกัน "เหงือกแห้ง" ไปเลย แต่ผมเชื่อว่า แฟนๆ อีซูซุ คงเต็มในรอแน่ๆ

เรื่องของรูปร่างหน้าตา ผมขอข้ามไปเลยนะครับ ท่านผู้อ่านชมได้จากภาพประกอบกันตามสบาย ชอบหรือไม่ชอบก็ว่ากันไป เอาเป็นว่าถ้าจะไปสู้กับ รถกระบะจากค่ายอเมริกัน ก็ต้องหนักใจไม่น้อยแล้วกัน

อ้อๆ ลืมไปครับ แม้ว่าด้านหน้าของ ดีแมคซ์ ใหม่จะไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่ แต่ด้านหลังก็แอบเท่ด้วย ไฟท้าย LED ขนาดใหญ่ ที่ถือเป็นครั้งแรกของวงการกระบะบ้านเราเลยทีเดียว

 

1,700 กิโลเมตร กับ อีซูซุ ดีแมคซ์ ใหม่ ไฟหลัง LED ชัดๆ ท่ามกลางสายฝน

เริ่มวันแรกของการขับ ผมกระโดดขึ้นมาบนเจ้า ดีแมคซ์ ไฮเลนเดอร์ 4 ประตู เพื่อประจำที่ "คนขับ" ปรับโน่นปรับนี่ ให้คุ้นเคย กับเส้นทาง 700 กว่ากิโลเมตร ในวันนี้

เข้ามาในห้องโดยสารสิ่งที่พบและประทับใจอย่างแรก คือความ "กว้างขวาง" ของเจ้าไฮเลนเดอร์ 4 ประตูคันนี้ จริงๆ กว้างมากครับ ทั้งในตำแหน่งผู้โดยสารตอนหน้า และเบาะหลัง เรียกว่าเหมือนนั่งในห้องนั่งเล่นมากกว่านั่งในห้องโดยสารรถยนต์เลยทีเดียว

ความกว้างขวางที่บอกนี้ รวมไปถึงพื้นที่เหนือศรีษะ พื้นที่วางเท้า พื้นที่หัวเข่า และระยะห่างระหว่างไหล่ของผู้โดยสาร มีให้มาแบบเหลือเฟือทีเดียว เหมาะกับครอบครัวที่รักการเดินทางเลยครับ

ตื่นตาตื่นใจกับความกว่้างแล้ว ก็มาไล่ดูในรายละเอียดในตำแหน่งคนขับกันบ้าง ที่ผมบอกว่าดีแมคซ์ ใหม่นั้นร่วมมือกับ เชฟโรเลต โคโลราโด และได้มาซึ่งคอนโซลภายในรถที่เหมือนกันอย่างกับแกะนั้น เมื่อได้มาลองจริงๆแล้วจะพบ ความต่าง กัน ในความเหมือนนี้ครับ

 

1,700 กิโลเมตร กับ อีซูซุ ดีแมคซ์ ใหม่ เหมือนกับ เชฟโรเลต โคโลราโด แต่มีความต่าง

และเป็นความต่างในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ อีซูซุ ออกแบบมาให้รู้เลยว่า "ใส่ใจ" กับตัวผู้ใช้ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็น ช่องเสียบกุญแจ สตาร์ท ที่ถูกออกแบบมาให้เสียบได้ง่ายๆ ไม่ต้องบิดข้อมือ รวมถึงที่เท้าแขนที่สามารถวางแขนได้โดยไ่ม่ต้องขยับตัว สวิตช์ควบคุมกระจกไฟฟ้า ก็อยู่ใกล้กับพวงมาลัย ทำให้เวลาจะเปิดปิดกระจกไม่ต้องหดแขนมากดสวิทช์

เรื่องเล็กๆ อย่างนี้ละครับ ทำให้ผมค่อนข้าง "ทึ่ง" กับความเอาใจใส่ ของทีมออกแบบอีซูซุ กับรถรุ่นนี้ ซึ่งทำให้ผู้ขับขี่ ขับได้สบายมากขึ้น

เริ่มลองขับกันเลยดีกว่าครับ มาดูกันว่าเครื่องยนต์ 3.0 VGS เทอร์โบ ที่ให้แรงม้า 177 แรงม้าที่รอบเครื่องยนต์ 3600 รอบ/นาที กับแรงบิดที่ 380 นิวตันเมตร ที่รอบเครื่อยนต์ 1800-2800 รอบ/นาที จะทำงานร่วมกับเกียร์ อัตโนมัติ 5 สปีด เป็นอย่างไร

เส้นทางการลองขับในช่วงนี้ ยังไ่มีปัญหาครับ เป็นการขับไปบนทางด่วนที่แสนจะยาวไกล เชื่อหรือเปล่าครับ ที่จีนนี่ มีทางด่วนยาวเป็นพันๆ กิโลเมตรเลยทีเดียว เสียค่าทางด่วนกันหน้ามืดเลยทีเดียว อย่างในทริปนี้ด้วยระยะทาง 1700 กิโลเมตร ผ่่านไป 3 เมือง เสียค่าทางด่วนไป 5 พันกว่าบาทครับ ยังไม่รวมค่าน้ำมันนะเนี่ยะ แพงน่ากลัวทีเดียว

1,700 กิโลเมตร กับ อีซูซุ ดีแมคซ์ ใหม่ กองใบเสร็จ ค่าทางด่วน

เริ่มขับไปเรื่อยๆ ด้วยความเร็วประมาณ 110 กม./ชม. สิ่งแรกที่สัมผัสได้ก็คือ ความนุ่มนวลของระบบช่วงล่างที่นุ่มนวลทีเดียว ไม่มีกระโดกกระเดกให้รู้สึกเหือนกับนั่งรถกระบะอยู่เลย เหมือนกำลังขับรถเก๋งยังไงยังงั้น

 

1,700 กิโลเมตร กับ อีซูซุ ดีแมคซ์ ใหม่ การจราจรในจีน

ทำให้รู้เลยครับว่า ดีแมคซ์ ใหม่ ไฮเลนเดอร์ 4 ประตู รุ่นนี้นั้นทาง อีซูซุ จะเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าครอบครัว มากกว่าใช้งานเพื่อการบรรทุก และเมื่อหันมามองที่อุปกรณ์อำนวยความสะดวกทั้งหมดที่มีมาในตัวรถ ก็ยิ่งเชื่ออย่างนั้นครับ อย่างชุดเครื่องเล่น ดีวีดี ของเคนวูด พร้อมจอแบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ระบบเนวิเกเตอร์อย่าง ไอ-จินนี่ พร้อมลำโพง อีก 8 ตัว แค่นี้ก็รู้แล้วว่า เน้นความสุนทรัีย์ ให้กับการเดินทางแค่ไหน อีกอย่างที่เด่นคือ ความเงียบครับ เสียงรบกวนภายในห้องโดยสารมีน้อยมาก ไม่ต้องกังวลว่าเสียงเครื่อง หรือเสียงอื่นๆ จะมารบกวนการดูหนังฟังเพลงของคุณเลย

อยากฟังเพลงผ่านช่องยูเอสบี ผ่่านแผ่นซีดี เอ็มพี 3 ก็ทำกันไปเต็มที่ครับ แต่หากต้องการเล่นผ่าน ไอพอด หรือ ไอโฟน ก็เล่นผ่าน บลูทูธ ได้เลย ผมเองก็เล่นผ่านบลูทูธ ครับ 1700 กิโลเมตร เพลงไม่ซ้ำก็แล้วกัน

ด้วยความเร็วแบบสบายๆ สไตล์คาราวาน แม้ว่าจะต้องขับกันตลอดทั้งวัน แต่น่าแปลกในเรื่องของความเมื่อยล้าไม่ปรากฎกับหลัง กับไหล่ของผมเท่าใดนัก

1,700 กิโลเมตร กับ อีซูซุ ดีแมคซ์ ใหม่ บรรยากาศตลอดเส้นทางการเดินทาง

มีบางช่วงที่เจออุปสรรคระหว่าง ทางเช่นอุบัติเหตุขนาดใหญ่ ที่มีผู้เสียชีวิตหลายคน ทำให้ขบวนต้องเปลี่ยนเส้่นทางบนทางด่วน มาผ่านเข้าตัวเมือง ทำให้ต้องใช้ทั้งความเร็วสูง และความระมัดระวังอย่างสูงไปในคราวเดียวกัน ก็ที่เมืองจีน บอกได้คำเดียวว่า ขับรถได้เลวร้ายมาก ทั้งรถจักรยาน ทั้งรถยนต์ มั่วไปหมด อยากเลี้ยว อยากแซง อยากกลับรถตรงไหนทได้ทั้งนั้น เล่นเอาขนหัวลุกกันเลยครับ

บางช่วงที่ต้องใช้ความเร็วสูง ทำให้ได้รู้ว่าการเร่งแซงของ ดีแมคซ์ ใหม่ เครื่องยนต์ 3.0 ลิตร ตัวนี้ ยังไม่ทันใจผมเท่าไหร่ครับ ต้องรอจังหวะอยู่พอสมควร เครืองยนต์ถึงจะกระชากออกไป นั่นหมายความว่าการเร่งแซง ต้องรู้จักจังหวะรถพอสมควร แต่เมื่ออัตราเร่งมาแล้วก็ ไม่มีปัญหาครับ ความเร็วก็ไหลขึ้นเร็วไม่น้อย

ในเรื่องของความแม่นยำ หรือการทรงตัว บอกยังไม่ได้ครับ ว่าดีมากน้อยแค่ไหน เพราะไม่มีโอกาสได้ลองอะไรเท่าไหร่ แต่เท่าที่ขับมาก็ยังไม่พบปัญหาอะไร

ระหว่างที่ขับ สิ่งที่สะดุดตาผมอีกอย่างคือ จอแสดงข้อมูลในการขับขี่ หรือ Multi Information Display (MID) ที่อยู่ระหว่างมาตรวัดความเร็ว และมาตรวัดรอบ ทำให้เราได้รู้อัตราการสิ้นเปลือง ปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่เหลือ อุณหภูมิเครื่องยนต์ อุณหภูมิภายนอกห้องโดยสาร ระยะทาง เวลา ตำแหน่งเกียร์ ดีครับ จอแสดงผลแบบนี้ ทำให้เราได้รู้ว่า เรากำลังขับรถอย่างไร ช่วยให้่ประหยัดได้พอสมควรทีเดียว

1,700 กิโลเมตร กับ อีซูซุ ดีแมคซ์ ใหม่ จอ MID

แต่ที่เด่นอีกอย่างคือ ระบบอีซูซุ อินไซท์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีประเมินผลทักษะการขับขี่ ซึ่งอีซูซุ เอามาใช้ครั้งแรกในวงการรถกระบะ เพราะเจ้าระบบนี้จะบันทึกลักษณะการขับขี่รถยนต์ของเรา ใน 5 ด้วยด้วยกัน คือ 1.ความเร็วและอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน 2.ช่วยรอบเดินเบา 3.รอบเครื่องยนต์ 4.การใช้เบรก และ 5 การเหยียบคันเร่ง

โดยระบบนี้ จะทำหน้าที่บันทึกข้อมูลการขับขี่ใน 5 ด้านข้างต้นและบันทึกไว้ครับ และเมื่อเอารถเข้าศูนย์บริการ ระบบนี้จะรายงานผลออกมาเป็นตัวหนังสือ บอกกันชัดๆ เลยว่าความเร็วเฉลี่ยที่ใช้ตั้งแต่ต้นจนถึงเข้าศูนย์บริการ นั้นอยู่ที่เท่าใด มีอัตราการสิ้นเปลืองเท่าไหร่ การขับในช่วงรอบเดินเบาเป็นอย่างไร รอบเครื่องยนต์เหมาะสมหรือไม่ การใช้เบรก บ่อยถี่แค่ไหน มีการใช้เบรกระทันหันกี่ครั้ง การเหยียบคันเร่งถูกต้องหรือไม่

เป็นอย่างไรครับ เหมือนมีครูฝึก คอยจับตาดูลักษณะการขับของเราอยู่ตลอด เลยว่าเราขับรถถูกวิธีหรือเปล่า เพื่อให้เราได้รู้ข้ดดี ข้อด้อย ในการขับรถของตัวเอง และนำไปปรับปรุงให้การขับครั้งต่อๆไปดีขึ้น

 

1,700 กิโลเมตร กับ อีซูซุ ดีแมคซ์ ใหม่ ในที่สุด ก็สิ้นสุดการเดินทาง 1,700 กว่ากิโลเมตร

ส่วนตัวผมคิดว่าระบบนี้เหมาะสำหรับลูกค้าทั่วไปที่จะได้รู้พฤติกรรมการขับรถของตัวเองว่าเป็นอย่างไร กับพวกเจ้าของกิจการที่ให้ลูกจ้างขับจะได้รู้ว่าพฤติกรรมการขับรถของลูกจ้างเราเป็นอย่างไร ซึ่งสามารถเอาผลของ อีซูศซุ อินไซท์ มาเป็นหนึ่งในการประเมินผลการทำงานได้เลย

อะแฮ่ม... ไม่อยากคุย ผลการขับตลอดเส้นทาง 1700 กิโลเมตร ปรากฏว่า ผมชนะครับ ด้วยอัตราการประหยัดน้ำมัน 18.5 กิโลเมตร/ลิตร กับคะแนนเฉลี่ยการขับที่ 85.5 คะแนน

ผลการขับเป็นอย่างไร ไม่น่าสนใจ เท่ากับเราได้รู้พฤติกรรมการขับรถของเราครับ ก็ต้องขอบคุณดีแมคซ์ ใหม่ ที่ทำให้ผมได้รู้ว่า ผมขับรถเป็นอย่างไร แค่นี้การขับ 1700 กิโลเมตร ของผมก็คุ้มค่าแล้วครับ!!